chat

4 วิธีจัดการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านให้อยู่หมัด


     เป็นการกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ชะลออาการผมร่วง และช่วยให้เส้นผมงอกใหม่เพิ่มมากขึ้น ยาปลูกผมที่ใช้รักษาคนที่มีอาการผมร่วง ศีรษะล้าน ที่เกิดจากกรรมพันธุ์ คือ ไมนอกซิดิล (Minoxidil) เป็นยาน้ำที่มีความเข้มข้นตั้งแต่ 2-5% ใช้ได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ใช้ทาที่หนังศีรษะ วันละ 2 ครั้ง เวลาเช้าและเย็น และควรใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปีขึ้นไป เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยและให้ผลการรักษาที่ดีโดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น เกิดการระคายเคืองหนังศีรษะ มีขนขึ้นตามใบหน้า เป็นต้น เมื่อหยุดยาอาการต่าง ๆ จะหายไปได้เอง
การรับประทานยา
การสวมวิกผม
    ยารับประทานที่ใช้รักษาคนที่มีอาการผมร่วง ศีรษะล้าน ที่เกิดจากกรรมพันธุ์ คือ ฟีนาสเทอไรด์ (Finasteride) เป็นยาลดระดับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) หรือฮอร์โมนเพศชาย เนื่องจากเมื่อระดับ DHT สูงขึ้น จะทำให้ต่อมผมหดเล็กลงและยับยั้งการเจริญของเส้นผม ทำให้มีอาการผมร่วง ศีรษะล้าน ยานี้ค่อนข้างปลอดภัยและให้ผลการรักษาที่ดี และใช้ในผู้ชายเท่านั้น ใช้รับประทานวันละ 1 เม็ด (1 มิลลิกรัม) ควรติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไป และควรใช้ต่อไปเพื่อผลการรักษาที่ดี โดยผลข้างเคียงของยาประมาณ 0.7-1% คือ อาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อารมณ์ทางเพศลดลงแต่เมื่อหยุดยาอาการเหล่านี้ก็จะหายไป
    การสวมวิกผมและการทอผม เป็นการรักษาทางด้านเสริมความงาม เพื่อปกปิดศีรษะบริเวณที่ล้าน แต่การสวมวิกผมจะต้องนำห่วงที่วิกไปผูกไว้กับเส้นผม ผมจึงถูกดึงรั้งเป็นประจำ ทำให้เส้นผมอ่อนแอ ขาดและหลุดร่วงได้ง่าย วิกผมมี 2 ประเภท คือ วิกผมเทียม ที่ทำจากโมโนไฟเบอร์เลียนแบบผมธรรมชาติ และวิกผมแท้ที่สามารถสระ ไดร์ หรือทำสีผมได้เหมือนกับผมธรรมชาติ สำหรับการทอผมเทียมคล้ายกับการสวมวิกผมแต่สามารถออกแบบทรงผมและเลือกปิดผมเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาได้
การปลูกผม
     การผ่าตัดปลูกผมจะทำก็ต่อเมื่อใช้ยารักษาแล้วไม่ได้ผล การปลูกผมมี 2 แบบ ได้แก่ การปลูกผมจริง คือการย้ายเส้นผมของคนไข้จากท้ายทอยมาปลูกบริเวณที่ล้าน มีการย้าย 2 วิธี คือ การตัดหนังศีรษะออกมาเป็นแผ่น นำมาซอยให้ได้ผมเป็นกอแล้วปลูกลงไปใหม่ และการเจาะให้ได้ผมทีละกอแล้วปลูกลงไปใหม่บริเวณที่ล้าน และการปลูกผมเทียม คือการใช้ผมสังเคราะห์ฝังเข้าไปในหนังศีรษะ แต่เนื่องจากเส้นผมไม่มีชีวิตจึงไม่สามารถงอกยาวขึ้นได้ เวลาหวีผมหรือเวลาเดินผมจะสะบัดและหักได้ง่าย ต้องกลับไปให้แพทย์ทำการถอนผมเทียมออกและต้องทำการปลูกเสริมใหม่เรื่อย ๆ และมีโอกาสติดเชื้อสูงจึงไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทย