chat

โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น PM 2.5


ฝุ่นขนาดจิ๋ว PM 2.5 กลับมาระบาดอีกครั้งในช่วงต้นฤดูหนาว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แม้จะยังมีการสวมหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ประมาทไม่ได้ว่าฝุ่นพิษเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม มีโรคภัยไข้เจ็บมากมายอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากมลภาวะทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง โรคหัวใจและหลอดเลือด ฯลฯ เราจึงควรป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากพื้นที่ค่าฝุ่นละอองสูงเกิดมาตรฐานและสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง ควรมาพบแพทย์เมื่อฝุ่นส่งผลกระทบต่อร่างกายทางใดทางหนึ่ง

โรคเยื่อบุตาอักเสบ
โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคถุงลมโป่งพอง
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคภูมิแพ้หรือลมพิษ
Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับ ‘โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น PM 2.5’

โรคเยื่อบุตาอักเสบ

คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบของเยื่อบุตา ซึ่งเป็นเยื่อเมือกใสที่คลุมตาขาวและด้านในของเปลือกตา เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น อะดีโนไวรัส เอนเทอโรไวรัส ฯลฯ แบคทีเรีย ที่มากับฝุ่นละอองทั่วไปหรือฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ ซึ่งอาจมีสารพิษซุกซ่อนอยู่ในฝุ่นอนุภาคขนาดเล็กนี้ ไม่ว่าจะเป็น ปรอท แคดเมียมหรือสารตะกั่ว เมื่อละอองฝุ่น PM 2.5 สัมผัสกับกระจกตาและเข้าสู่เยื่อบุตาจนเกิดการอักเสบ ระคายเคือง ตาแดง ตาแห้ง คันตา ภูมิแพ้ขึ้นตาและเปลือกตาบวมอักเสบ อาจหายได้เองภายใน 2 - 3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากนานกว่าหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที อาการคันในตาหากติดเชื้อจะปวดแสบร้อน น้ำตาจากใสจะเป็นเมือกหรือหนอง เปลือกตาอักเสบ มีขี้ตาใส ตาสู้แสงไม่ได้ เปลือกตาบวม เป็นต้น ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ ละอองเกสรดอกไม้ รวมถึงหลีกเลี่ยงการเผชิญกับลมที่พัดแรง เพราะลมอาจพัดพาฝุ่นมากระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้

โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น pm 2.5

นอกจากโรคเยื่อบุตาอักเสบแล้ว ฝุ่นละอองขนาดเล็กยังก่อให้เกิดโรคตาแห้งได้อีกด้วย ระดับของฝุ่นมลพิษและความชื้นในอากาศสัมพันธ์กับอาการตาแห้ง ทำให้ชั้นน้ำตาระเหยเร็วกว่าปกติ ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือมีภาวะตาแห้งอยู่เดิม จะมีความไวต่อฝุ่นมากขึ้น เพราะต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ คุณภาพอากาศที่แย่ส่งผลให้ต่อมไขมันอักเสบเพิ่มขึ้น จนเกิดการอุดตันของต่อมไขมันบริเวณเปลือกตา ส่วนผลกระทบต่อกระจกตา ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เซลล์ชั้นนอกของกระจกตาเปลี่ยนแปลงและทำงานลดลง มีผลต่อระดับการมองเห็น ทำให้เส้นเลือดในจอประสาทตาตีบลง ส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตผิดปกติ จอประสาทตาขาดออกซิเจน นำไปสู่การมองเห็นที่ผิดปกติได้ ทั้งนี้ แนวทางในการป้องกันควรใส่แว่นกันลมที่ปิดด้านหน้าและด้านข้าง เพื่อป้องกันดวงตาไม่ ให้สัมผัสสิ่งกระตุ้น รวมทั้งการล้างมือ อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า หลีกเลี่ยงการใช้พรมที่กักเก็บฝุ่นไว้ในบ้านปริมาณมาก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีขน เช่น แมว สุนัข เป็นต้น

โรคหัวใจและหลอดเลือด

ฝุ่น PM 2.5 ที่แทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือดส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น 10% ในทุกๆ อัตราการเพิ่มขึ้นของฝุ่น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งยังเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หลอดเลือดแข็ง ต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง ความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (AMI), การตายจากโรคหัวใจขาดเลือด IHD, เกิดโรคหลอดเลือดสมอง, โรคหลอดเลือดสมองกำเริบ และการเสียชีวิตจากหลอดเลือดสมองผ่านกระบวนการทำวิจัยแบบ Meta-analysis

โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น pm 2.5

ปฏิกิริยาออกซิเดชันและการอักเสบเป็นกลไกสำคัญที่ PM 2.5 เพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองตีบ การสัมผัสกับอนุภาคที่กระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเจน ส่งผลต่อการอักเสบของหลอดเลือด, การแข็งตัวของเลือด, การเกิดลิ่มเลือด, กระตุ้นเกล็ดเลือด สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคหัวใจหรือหลอดเลือดอยู่แล้ว คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ที่สูบบุหรี่ หรืออยู่ในเขตอุตสาหกรรมหนัก เขตก่อสร้าง ฯลฯ

โรคถุงลมโป่งพอง

โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น pm 2.5

โรคถุงลมโป่งพอง หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คือ ภาวะที่ถุงลมภายในปอดเกิดการขยายตัวมากกว่าปกติ ส่งผลให้พื้นที่ผิวในปอดลดน้อยลงจนทำให้หายใจลำบาก ทำให้อวัยวะต่างๆ ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอจึงทำงานได้แย่ลง มีสาเหตุจากการได้รับสารกระตุ้นจากการหายใจเอามลพิษเข้าสู่ร่างกาย เช่น ฝุ่น ควัน มลภาวะทางอากาศ ทั้งนี้ ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลต่อปอดโดยตรงไม่ต่างจากการสูบบุหรี่ กระตุ้นให้ปอดอักเสบ ปอดถูกทำลาย ทำให้ถุงลมนับร้อยในปอดแตกออกเหลือเป็นถุงเดียว

ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการไอและมีเสมหะมากขึ้น มักเป็นตอนเช้าหลังตื่นนอน ระยะนี้อาการเหนื่อยยังไม่มี หรือถ้ามีก็ไม่มาก ต่อมาจะเริ่มมีอาการเหนื่อย ในลักษณะเหนื่อยหอบ หายใจลำบากตอนใช้แรงเยอะๆ หรือตอนออกกำลังกาย เมื่อมีอาการมากขึ้น อาการเหนื่อยจะส่งผลต่อกิจวัตรประจำวัน

โรคระบบทางเดินหายใจ

โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น pm 2.5

เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็ก ทำให้สามารถผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ปอดอักเสบ ระคายเคือง ส่งผลให้เกิดโรคหอบหืด กรณีคนที่เป็นโรคหอบหืดอยู่แล้วอาจรุนแรงมากขึ้น หากฝุ่น PM 2.5 สะสมอยู่ในระบบทางเดินหายใจและปอดเป็นเวลานาน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งปอดในอนาคตได้เช่นกัน

โรคภูมิแพ้หรือลมพิษ

โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น pm 2.5

หากแพ้ควัน แพ้ฝุ่น PM 2.5 จะมีอาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันและระคายเคืองตา มีน้ำตาไหล ไอ อาจมีอาการหอบหืดกำเริบ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายตอบสนองต่อฝุ่นควันที่เราสูดเข้าไป ดังนั้น ฝุ่น PM 2.5 จึงสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้ เพราะกลไกการอักเสบที่ลงลึกไปที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างส่งผลต่อภูมิแพ้ทางเดินหายใจและภูมิแพ้ผิวหนัง เวลาที่สูดเข้าไปจะอักเสบทั้งทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ภูมิแพ้โพรงจมูก จาม น้ำมูก คัดจมูก ลามไปถึงโพรงไซนัสอักเสบ ส่วนการอักเสบทางเดินหายใจส่วนล่าง คือ หลอดลมกับถุงลม

Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับ ‘โรคที่มาพร้อมกับฝุ่น PM 2.5’

ถาม ตอบ

การรักษาเยื่อบุตาอักเสบจากฝุ่น PM 2.5 ทำอย่างไร?

หยอดน้ำตาเทียมเพื่อลดอาการระคายเคืองตา เพื่อหล่อลื่นผิวตา และเจือจางสิ่งกระตุ้นจากมลพิษทางอากาศ, หากมีอาการคันตา ตาบวม สามารถประคบเย็น ช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้นได้, ใช้ยาปฏิชีวนะหยอดตาหรือขี้ผึ้งป้ายตากรณีที่ติดเชื้อแบคทีเรีย , หลีกเลี่ยงการขยี้ตา สวมแว่นเพื่อป้องกันลม, หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์หรือใช้เครื่องสำอางบริเวณโดยรอบดวงตาชั่วคราว

ถาม ตอบ

แนวทางในการป้องกันตัวเองจากโรคภัยที่เกิดมาจากฝุ่นละอองขนาดจิ๋วควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

จำกัดเวลาที่อยู่กลางแจ้งเมื่อระดับมลพิษทางอากาศสูง, สวมหน้ากากอนามัยสม่ำเสมอเมื่อใช้ชีวิตประจำวันกลางแจ้ง, หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีการจราจรคับคั่ง พื้นที่ก่อสร้าง หรือพื้นที่ความเสี่ยงสูงจากการรายงานสภาพอากาศ, ปิดหน้าต่างและประตูเมื่อระดับมลพิษทางอากาศสูง, ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้านและที่ทำงาน รวมทั้งงดการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งที่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง

แพทย์ผู้เขียนบทความ