chat

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ


โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากการอักเสบที่เยื่อหุ้มสมอง ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ เกิดขึ้นได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในเด็กอายุ 1 เดือนถึง 5 ปี และผู้ที่มีอายุระหว่าง 21-60 ปี เพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่วนผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ถูกตัดม้าม, ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันย่อมมีความเสี่ยงติดโรคนี้ได้มากกว่าผู้อื่น

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) คืออะไร?
อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
สาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
กลุ่มเสี่ยงโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
แนวทางการวินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
แนวทางการรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) คืออะไร?

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ปรสิต และสาเหตุอื่นจากการติดเชื้อ โดยเยื่อหุ้มสมอง คือ เนื้อเยื่อชั้นนอกที่ห่อหุ้มรอบสมองและไขสันหลัง มีหน้าที่ปกป้องสมองและไขสันหลังจากการบาดเจ็บ ในเยื่อหุ้มสมองประกอบด้วยเส้นเลือด เส้นประสาท

อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

ไข้สูง

กระหม่อมนูนโป่งออกมา

เบื่ออาหาร

คอแข็ง

เฉื่อยชา ง่วงนอน อ่อนแรง

คลื่นไส้ อาเจียน

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

อาการของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในผู้ใหญ่

มีไข้สูงฉับพลัน

ปวดศีรษะรุนแรง

คอแข็ง ก้มไม่ได้

คลื่นไส้ อาเจียน กลืนอาหารได้ยากกว่าปกติ

แพ้แสง และมองเห็นสิ่งรอบข้างไม่ชัดเจน

บางกรณีจะมีผื่นขึ้น เช่น ในเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น

เส้นประสาทสมองคู่ที่ 6 อัมพาต (Lateral rectus palsy) ทำให้มองเห็นภาพซ้อน

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

สาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เกิดจากทั้งโรคติดเชื้อและที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ โรคติดเชื้อส่วนมากเกิดจากแบคทีเรีย (BACTERIAL MENINGITIS) เช่น เชื้อสเตร็พโตค็อคคัส กลุ่มบี, เชื้อไมโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส, เชื้อสเตร็พโตค็อคคัส นิวโมเนียอี, เชื้ออีโคไล, เชื้อลิสทีเรีย โมโนไซโตจิเนส, เชื้อฮีโมฟิลัส อินฟลูเอ็นซาอี, เชื้อไนซีเรีย เมนิงไจไทดิส เป็นต้น

เกิดจากเชื้อไวรัส ได้แก่ เริม, คางทูม, อีสุกอีใส, หัดเยอรมัน, ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น

เกิดจากเชื้อรา (FUNGAL MENINGITIS) เช่น เชื้อราคอคซิเดีย

เกิดจากปรสิต (PARASITIC MENINGITIS) เช่น พยาธิปอดหนูหรือพยาธิหอยโข่ง, พยาธิตัวจี๊ด

เกิดจากอะมีบาชนิดนีเกลอเรีย (Naegleria fowleri)

ส่วนสาเหตุของโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ (NON-INFECTIOUS MENINGITIS) ได้แก่

โรคที่เกิดจากภาวะการอักเสบทั่วร่างกาย

โรคระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง

ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ และยาปฏิชีวนะ

มะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งที่ต้องฉีดยาเคมีบำบัดเข้าทางน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง

อาการบาดเจ็บที่ศีรษะ การผ่าตัดสมอง

มีน้ำไขสันหลังรั่วจากฐานกะโหลกศีรษะแตก

ปฏิกิริยาเคมี

กลุ่มเสี่ยงโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

นักจุลชีววิทยาที่ทำงานใกล้ชิดกับเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ก่อให้เกิดโรคนี้อยู่เป็นประจำ

นักศึกษาในหอพักมหาวิทยาลัย

ผู้ที่มีม้ามบกพร่องหรือตัดม้ามออก เช่น ผ่าตัดม้ามเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียรักษาโรคธาลัสซีเมีย

ผู้ที่ผ่าตัดทางเดินน้ำไขสันหลัง เช่น ในผู้ป่วยทางเดินน้ำไขสันหลังอุดตันจากมะเร็งที่ผ่าตัดระบาย น้ำไขสันหลังเข้าสู่ช่องท้อง ทำให้เชื้อโรคจากช่องท้องเข้าสู่เยื่อหุ้มสมองและสมอง

ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ โรคเบาหวาน โรคพิษสุราเรื้อรัง ทั้งนี้ ยากดภูมิคุ้มกันทำให้การทำงานของภูมิคุ้มกันลดลง เพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อของหูชั้นกลาง (หูชั้นกลางอักเสบหรือหูน้ำหนวก) หรือไซนัส (ไซนัสอักเสบ)

หญิงตั้งครรภ์ย่อมเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้

**หมายเหตุ : ผู้ที่เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากการรับวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบใน ครั้งก่อนไม่ควรรับการฉีดครั้งต่อไป

แนวทางการวินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

การตรวจเลือดและเพาะเชื้อจากเลือด เพื่อดูว่าแบคทีเรียจะเติบโตหรือไม่

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เทคนิครังสีวิทยาทางการแพทย์ ตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) และตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูอาการบวมหรืออาการอักเสบในศีรษะ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เจาะน้ำไขสันหลัง เพื่อประเมินปริมาณเม็ดเลือดขาว ชนิดของเม็ดเลือดขาว ระดับน้ำตาลและโปรตีน ซึ่งเป็นวิธีที่มีความแม่นยำมากที่สุดในการวินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

ใช้เทคนิค PCR (Polymerase Chain Reaction Amplification) ซึ่งเป็นวิธีทดสอบดีเอ็นเอ

ตรวจหาแอนติบอดีต่อไวรัสบางชนิด ช่วยให้แพทย์ระบุสาเหตุของโรคได้

แนวทางการรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

จำแนกตามต้นเหตุการณ์ติดเชื้อว่ามาจากแบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต หรือสาเหตุอื่น ๆ

รักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย จะให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ หรืออาจให้ยาคอร์ ติโคสเตียรอยด์ เช่น เดกซาเมทาโซน เพื่อบรรเทาอาการอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรีย

รักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส ยาปฏิชีวนะใช้รักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัสไม่ได้ แพทย์อาจจ่ายยาคอติโคสเตียรอยด์เพื่อลดอาการบวมในสมอง และจ่ายยาเพื่อควบคุมอาการชัก

รักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา ยาต้านเชื้อราช่วยรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อราได้

Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับ"โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ"

ถาม ตอบ

แนวทางการป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

- ล้างมือให้สะอาดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

- หญิงตั้งครรภ์ ควรเลี่ยงการดื่มนมที่ ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ หรือชีสทำจากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์

- ฉีควัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เช่น

วัคซีนป้องกันเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา ชนิดบี หรือ Hib เด็กควรรับวัคซีนนี้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน รวมถึงผู้ใหญ่ที่เป็นโรคโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle Cell Anemia) เอดส์ หรือผู้ที่ไม่มีม้าม

วัคซีนโรคจากเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต หรือวัคซีน PCV13 และ PCV15: CDC ใช้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เด็กอายุระหว่าง 2-5 ปี ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนิวโมคอคคัสสูง รวมถึงผู้ที่เป็นโรคหัวปอดและหัวใจเรื้อรัง และเป็นมะเร็ง รวมถึงผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี

วัคซีนโรคจากเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดโพลีแซคคาไรด์ หรือวัคซีน PPSV23 เหมาะสำหรับ ผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป วัยรุ่นและเด็กอายุ 2 ขวบปีขึ้นไปที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว รวมถึงผู้ที่ไม่มีม้าม

วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่นชนิดคอนจูเกต หรือวัคซีน MenACWY: CDC สำหรับเด็กอายุ 11-12 ปี จำนวน 1 เข็ม และรับเข็มกระตุ้นเมื่อมีอายุ 16 ปี หากเข็มแรกได้รับในช่วง 13 -15 ปี ควรรับเข็มกระตุ้นช่วง 16-18 ปี หากได้รับเข็มแรกตอนอายุ 16 ปี หรือมากกว่า ไม่จำเป็นต้องรับเข็มกระตุ้น

วัคซีน Serogroup B Meningococcal หรือวัคซีน MenB: CDC เหมาะสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้น รวมถึงผู้ใหญ่และเด็กที่เป็นโรคโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงรูปเคียว โดนตัดม้ามออกไป หรือผู้ที่ไม่มีม้าม

บทความโดย นพ.ชวลิต หล้าคำมี