chat

ผลข้างเคียงและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อลดความอ้วน


ปัจจุบันในท้องตลาด ตามร้านขายยาและห้างสรรพสินค้ามีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อลด น้ำหนักมากมาย มีส่วนผสมที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติและพืชสมุนไพรที่ตัวยาออกกฤทธิ์ ก่อให้เกิดผลข้างเคียงและสรรพคุณแตกต่างหลากหลายกันออกไป ผู้บริโภคจำเป็นต้องศึกษา กลไกการออกฤทธิ์ ผลข้างเคียง และประสิทธิภาพของส่วนผสมแต่ละชนิดว่ามีสรรพคุณหรือก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองร่างกายของตัวเองหรือไม่ เนื่องจากแต่ละคนย่อมตอบสนองต่ออาหารเสริมแต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป เพื่อความปลอดภัย ควรอยู่ภายใต้การดูแลให้คำปรึกษาโดยเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้อง

‘แมงลัก’ (Psyllium)

Dietary--for-weight-loss-1

เม็ดแมงลัก เป็นหนึ่งในส่วนผสมยอดนิยมที่นำมาใช้พัฒนาเป็นอาหารเสริมลดน้ำหนัก เมื่อนำไปแช่น้ำจะพองตัวได้ถึง 45 เท่า มีเมือกห่อหุ้ม มีเส้นใยที่ช่วยดูดซับไขมันได้ ช่วยขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย มีกากอาหารหนาแน่น ช่วยทำความสะอาดผนังลำไส้ อุจจาระไม่เกาะลำไส้ ดีต่อระบบขับถ่าย อย่างไรก็ตาม เม็ดแมงลักไม่สามารถทำให้ไขมันสะสมสลายไปได้ แต่ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ เพราะเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน พองตัวได้นาน ทำให้กินแล้วอิ่มท้องนานขึ้น และกินอาหารอื่นๆ ได้น้อยลง ผลข้างเคียงที่อาจตามมาหลังรับประทาน คือ ‘ท้องอืด’

‘บุก’ (Konjac root)

Dietary--for-weight-loss-2

เป็นพืชที่มีใยอาหาร เรียกว่า กลูโคแมนแนน (Glucomannan) ใช้ในการผลิตเป็นอาหารเสริมเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก และช่วยลดระดับคอเรสเตอรอล รวมถึงให้พลังงานต่ำ สามารถนำมารับประทานแทนอาหารประเภทเส้นที่มักจะทำมาจากแป้งอื่นๆ แทนได้ โดยบุกจำนวน 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 10 กิโลแคลอรี่เท่านั้น จึงเป็นอาหารที่แทนอาหารประเภทเส้นได้เป็นอย่างดี (เทียบกับวุ้นเส้นที่ให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี่ ไปจนถึงบะหมี่เหลืองที่ให้พลังงานมากกว่า 200 กิโลแคลอรี่) อย่างไรก็ตาม พึงระมัดระวังกรณีหญิงมีครรภ์ การรับประทานบุกทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสียได้ ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้อุดตัน การกินบุกที่มีใยอาหารสูงอาจเป็นอันตรายได้ หรือผู้ที่แพ้บุกอาจมีผื่นขึ้น หัวใจเต้นเร็ว และหายใจติดขัดได้ ควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณที่กินอย่างเหมาะสม

‘ส้มแขก’ (Garcinia cambogia)

Dietary--for-weight-loss-3

สารสกัดจากเปลือกส้มแขก คือ ‘กรดไฮดรอกซีซิตริก’ (Hydroxycitric Acid: HCA) มีส่วนช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและลดความอยากอาหาร โดยจะไปยับยั้งเอนไซม์ที่ร่างกายใช้สร้างไขมัน ทั้งยังไปเพิ่มระดับสารเซโรโทนินทำให้รู้สึกหิวน้อยลง อย่างไรรก็ตาม ควรรับประทานส้มแขกในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อตับได้ คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ปวดศีรษะ เป็นต้น สตรีมีครรภ์และผู้ที่กำลังให้นมบุตร อาจไม่ปลอดภัยต่อร่างกายในการบริโภคส้มแขก, ผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้ว ส้มแขกอาจส่งผลให้ภาวะอารมณ์แปรปรวนจากโรคไบโพลาร์ทรุดหนักลง และการบริโภคส้มแขกอาจเป็นอันตรายต่อตับอาจทำให้ตับถูกทำลายมากขึ้นในผู้ป่วยโรคตับ

‘ชาเขียว’ (Green Tea)

Dietary--for-weight-loss-4

ชาเขียวมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี  4 % รวมทั้งสารสกัดจากชาเขียวสามารถเพิ่มการออกซิเดชั่นของไขมันได้ 17% เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก มีส่วนช่วยในการเพิ่มความไวของอินซูลิน (Insulin) และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม ชาเขียวมีคาเฟอีน หากบริโภคในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว นอนไม่หลับ คลื่นไส้ ท้องเสีย ผู้ป่วยโรคหัวใจ และเบาหวานควรระมัดระวังในการบริโภค กรณีหญิงตั้งครรภ์หากบริโภคชาเขียวอาจส่งผลให้เกิดภาวะแท้งบุตรได้ รวมถึงแม่ที่ให้นมบุตร คาเฟอีนในชาเขียวจะส่งผ่านน้ำนมไปสู่บุตรได้ สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาวาร์ฟารินควรระมัดระวัง เพราะชาเขียวจะมีวิตามินเค ที่ทำลายลิ่มเลือดของยานี้ อาจทำให้เกิดการอุดตันตามอวัยวะต่างๆ ได้ โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง และหัวใจ

‘สารสกัดจากพริก’ (Capsaicin)

Dietary--for-weight-loss-5

สารประกอบในพริก เรียกว่า ‘แคปไซซิน’ (Capsaisin) ช่วยลดการสะสมไขมันส่วนเกิน เร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ช่วยเพิ่มระดับเอนไซม์ในตับซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำให้ไขมันแตกตัว ช่วยเร่งเมตาบอลิซึม ทั้งกระบวนการสร้างและสลาย  ช่วยลดปริมาณการดูดซึมไขมันในร่างกาย ทำให้น้ำย่อยที่ใช้ย่อยไขมันลดลง จึงสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดการสร้างไขมันเลว และเพิ่มการสร้างไขมันที่ดีให้ร่างกายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พึงระมัดระวังรสชาติเผ็ดร้อนและอาการระคายเคือง

‘สารสกัดจากกระบองเพชร’ (Hoodia gordonii)

Dietary--for-weight-loss-6

สารสกัดกระบองเพชรสายพันธุ์ Hoodia Gordonii มีสาร steroid glycosides มีผล กดศูนย์ความอยากอาหาร และทำให้มีฤทธิ์ลดความต้องการอาหารและลดน้ำหนักได้ ผลการวิจัยในคนที่ลดความอ้วนพบว่าลดปริมาณความต้องการพลังงานต่อวันลดลง 1,000 แคลอรี่ ต่อมาในปี 2011 มีการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์พบอาการข้างเคียงได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน ความดันและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น เอนไซม์ตับเพิ่มสูงขี้น นอกจากนี้ในปี 2011 ยังมีประกาศเตือนจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาให้หยุดใช้ “P57 Hoodia” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สกัดจากกระบองเพชร สรรพคุณลดความอ้วน โดยตรวจพบสาร sibutramine ซึ่งเป็นสารที่มีอันตรายเนื่องจากมีผลเพิ่มความดันโลหิต เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และมีความเสี่ยงต่อผู้ป่วยที่มีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน

‘ถั่วแขก’ (Phaseolus vulgaris)

Dietary--for-weight-loss-7

มีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเส้นเลือดกระตุ้นการนำไขมันที่สะสมมาใช้ ช่วยลดน้ำหนักได้ อย่างไรก็ตาม ถั่วแขกมีส่วนประกอบของสารออกซาเลต หากบริโภคในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้เพียงพออย่างที่ต้องการ นอกจากนี้ ‘เลคติน’ พบในถั่วแขก หากทานในปริมาณมากเกินไปอาจเกิดปัญหาต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ถ่ายท้อง คลื่นไส้ และอาเจียนได้ ทั้งยังมีกรดไฟติกในถั่วแขก เป็นกรดที่ช่วยให้ร่างกายป้องกันการดูดซึมของแร่ธาตุที่ร่างกายควรได้รับ ผู้ที่มีปัญหาภาวะแร่ธาตุไม่เพียงพควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน

‘โสม’ (Ginseng)

Dietary--for-weight-loss-8

ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ราชาแห่งสมุนไพร’ ช่วยลดการดูดซึมไขมัน ปรับสภาพให้ร่างกายดูดซึมคาร์โบไฮเดรตได้ช้าลง และกระตุ้นให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้งานได้มากขึ้น ทั้งยังเร่งกระบวนการเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย แม้ว่าโสมจะมีความปลอดภัยต่อร่างกายสูง แต่หากทานโสมแล้วเกิดอาการผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ มีผื่นแดง หรืออาการอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที นอกจากนี้การเลือกชนิดของโสมก็มีความจำเป็น ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรทานโสมแดง เพราะจะยิ่งเพิ่มความร้อน และความดันโลหิตให้กับร่างกายได้ ควรเลือกทานเป็นโสมขาวที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยลดความดันโลหิตจะดีกว่า และหญิงมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานโสมทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นโสมชนิดใดก็ตาม

‘เพชรสังฆาต’ (Cissus quadrangularis)

Dietary--for-weight-loss-9

เพชรสังฆาตมีเส้นใย ทำให้ลดเนื้อที่ของกระเพาะอาหาร ช่วยให้อิ่มเร็ว มีผลยับยั้งเอนไซม์ที่ย่อยแป้ง น้ำตาลและไขมัน ทำให้ลดการดูดซึมอาหาร เพิ่มระดับซีโรโทนนิน ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม และลดสารอักเสบ ของผู้ที่มีภาวะ metabolic syndrome จากผลการวิจัยทางคลินิก ผู้ป่วยที่ได้รับเพชรสังฆาตบางรายมีอาการ ท้องผูก ท้องเสีย ปวดศีรษะ ท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภค

หากการลดน้ำหนักด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมออกกำลังกายและรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3-6 เดือนแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 30 ก.ก./ตร.ม. หรือมีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 27 ก.ก./ตร.ม. ร่วมกับภาวะแทรกซ้อน อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อการลดน้ำหนักที่สกัดมาจากธรรมชาติ ภายใต้การดูแลให้คำปรึกษาโดยแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัย

บทความโดย : พญ.กัลยาณี พรโกเมธกุล