chat

“ท้องผูก” ถ้าแก้ไม่ออก อันตรายกว่าที่คิด


อาการท้องผูก เป็นสิ่งที่ใคร ๆ หลายคนมักมีความกังวลใจไม่น้อย เพราะอาการท้องผูกสร้างความรำคาญ อึดอัดในการใช้ชีวิตประจำวัน และหากปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ ตามมาได้ ซึ่งความถี่ของการถ่ายอุจจาระในแต่ละคนก็จะต่างกันออกไป แต่คนเราควรจะถ่ายอุจจาระเป็นประจำทุกวัน ๆ ละ 1 ครั้ง

ท้องผูกเกิดจากอะไรบ้าง



อาการท้องผูกเกิดได้จาก การรับประทานยาบางอย่างเช่น ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาคุมกำเนิด ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ หรือ อาหารเสริมแคลเซียม ธาตุเหล็ก เป็นต้น และปัจจัยอื่น ๆ อย่างการอั้นอุจจาระ ทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ หรือแม้กระทั่งความเครียดก็เป็นสาเหตุของอาการท้องผูกที่ใครหลาย ๆ คนมองข้ามไป

อาการแบบนี้แหละ "ท้องผูก"



ลองสังเกตอาการของตัวคุณเอง หากมีอาการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์หรือน้อยกว่านี้, อุจจาระเป็นก้อนแข็งๆ หรือ เม็ดเล็กๆ, ถ่ายอุจจาระไม่ออก หรือ รู้สึกว่าถ่ายไม่สุด, ต้องใช้แรงเบ่งมาก หรือ เจ็บขณะถ่ายอุจจาระ และมีอาการท้องอืด ปวดท้อง ปวดเกร็งหน้าท้อง หากสำรวจแล้วมีอาการ 2-3 อย่างที่กล่าวมานี้และติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกเรื้อรังได้

ท้องผูกเรื้อรังอันตรายกว่าที่คิด



เมื่อเกิดอาการท้องผูกบ่อย ๆ ทำให้อุจจาระมีการตกค้างจนแห้งแข็ง จนในเวลาที่ถ่ายอุจจาระต้องใช้แรงเบ่งมาก ถ่ายลำบากและอุจจาระไปเสียดสีกับผนังลำไส้ รวมไปถึงทวารหนัก ทำให้ถ่ายเป็นเลือด เกิดบาดแผลรอบ ๆ ทวารหนักซึ่งเป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร นอกจากนี้อาการท้องผูกเรื้องรังอาจทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ ลำไส้ใหญ่เกิดแผล และร้ายแรงไปกว่านั้นอาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

ท้องผูกป้องกันรักษาได้



เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ อย่างการทานอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเยอะ ๆ 8-10 แก้วต่อวัน รวมถึงการออกกำลังกาย และฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่ควรอั้นอุจจาระ และอีกหนึ่งทางเลือกการรักษาอาการท้องผูกคือ การทำดีท็อกซ์ (Detox) ด้วยเครื่องล้างลำไส้ที่สามารถชะล้างกากอาหารที่ตกค้างในลำไส้ออกมา ช่วยกระตุ้นและปรับเปลี่ยนระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นได้ และต้องทำการรักษากับแพทย์ผู้ชำนาญการและสถานพยาบาลที่ปลอดภัยได้มาตรฐานเท่านั้น