chat

คีเลชั่น ไม่รู้จัก…ไม่ได้แล้ว


     ชีวิตคนเราทุกวันนี้เหมือนตายผ่อนส่งเนื่องจากร่างกายมีโอกาสรับสารพิษ หรือสารโลหะหนักเช่น ปรอท ตะกั่ว สารหนู ฯลฯ จากสภาพแวดล้อม อาหาร หรือเครื่องดื่ม เป็นต้น สารปรอทเป็นส่วนผสมของวัสดุอุดฟันพวกอมัลกัม, ตะกั่วอาจพบได้จากหม้อก๋วยเตี๋ยวรุ่นเก่า ๆ หรือสารหนูอาจพบได้ในข้าว ธัญพืช เครื่องสำอาง ยาแผนโบราณ เป็นต้น ดังนั้นใครที่คิดว่าสารโลหะหนักเป็นเรื่องไกลตัว คงต้องคิดใหม่แล้วละค่ะ

    จริงอยู่ที่สารโลหะหนักเข้าสู่ร่างกาย จะมีกลไกตามธรรมชาติกำจัดออกไป แต่นั่นต้องเป็นปริมาณที่ไม่เยอะเกิน หากปริมาณมีมากร่างกายกำจัดไม่ทันทำให้เหลือตกค้างในเลือดก็จะไปเกาะสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดปัญหาผนังหลอดเลือดอักเสบขรุขระเส้นเลือดแข็ง หรือตีบแคบจนอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ ได้เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด และโรคความเสื่อมตามอวัยวะต่าง ๆ

วัดความดัน

    ปัจจุบันทางการแพทย์มีวิธีในการกำจัดสารโลหะหนักจากเลือด เป็นการล้างหรือฟื้นฟูหลอดเลือดที่เรียกว่า คีเลชั่น (Chelation) วิธีการทำไม่ยุ่งยากคล้าย ๆ การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำทั่วไป โดยในสารน้ำจะเติมสารโปรตีนสังเคราะห์ (EDTA) พร้อมกับผสมวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปด้วย ซึ่งสาร EDTA นี่เองที่จะไปจับกับอนุภาคของโลหะหนักแล้วขจัดออกจากร่างกายทางปัสสาวะ หลังทำจึงต้องดื่มน้ำมาก ๆ แต่เนื่องจากร่างกายจะขับสารโลหะหนักผ่านทางไต ทำให้ไตทำงานเพิ่มขึ้น จึงต้องเลี่ยงทำคีเลชั่นในคนที่มีภาวะไตวายด้วยค่ะ

    คีเลชั่นเหมาะกับคนที่ตรวจพบสารโลหะหนักในร่างกายจำนวนมาก หรือคนที่มีความเสี่ยงได้รับโลหะหนักหรือสารเคมีเป็นประจำ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามีสารโลหะหนักในเลือด แพทย์ก็จะมีวิธีการตรวจเบื้องต้นที่เรียกว่า Live Blood Analysis โดยเจาะเลือด 1 หยดที่ปลายนิ้วแล้วนำมาส่องผ่านกล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูง เพื่อดูภาวะเม็ดเลือดและการปะปนของโลหะหนักในเลือดก่อน

    หลังทำคีเลชั่นสามารถกลับบ้านทำกิจกรรมได้ตามปกติ จะมีอาการข้างเคียงได้บ้าง ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลตนเองทุกครั้ง โดยทั่วไปแนะนำให้ทำคีเลชั่นประมาณ 10–20 ครั้งขึ้นกับสภาพร่างกาย และปัจจัยเสี่ยงของแต่ละคนค่ะ