chat

การใช้ฮอร์โมนเพื่อเตรียมพร้อมก่อนการแปลงเพศ

การใช้ฮอร์โมน

การใช้ฮอร์โมน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการแปลงเพศจาก “หญิงไปเป็นชาย”

ผู้ชายข้ามเพศหลายคน แม้จะมีสภาวะจิตใจของความเป็นชายเต็มร้อยแล้วก็ตาม แต่หลายคนยังพบว่า รูปร่างของตนเองนั้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพจิตใจ ดังนั้น การใช้ฮอร์โมนเพศชาย จึงมีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้ชายข้ามเพศเป็นอย่างมาก เพราะเป็นตัวกำหนดลักษณะความเป็นชาย มีผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงสรีระและปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาจากหญิงให้ตรงกับความเป็นชายอย่างที่ต้องการ นอกเหนือจากการผ่าตัดหน้าอก หรือแม้แต่การแปลงเพศที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

เตรียมตัวก่อนรับฮอร์โมน

ต้องเริ่มต้นด้วยการเข้ารับการตรวจสุขภาพก่อน เพราะการใช้ฮอร์โมนมีทั้งข้อดีและผลข้างเคียง รวมทั้งข้อควรระวังในการใช้ ผู้ที่จะเข้ารับฮอร์โมนต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพปกติ ไม่มีประวัติการแพ้ยา และไม่มีการตั้งครรภ์

ตรวจสุขภาพ

รูปแบบของฮอร์โมนชาย

โดยทั่วไปเลือกใช้ฮอร์โมนแอนโดรเจน หรือ เทสโทสเทอโรน เพียงชนิดเดียว แม้ว่าในสูตรโครงสร้างทางเคมีอาจมีหลายรูปแบบ แต่ออกฤทธิ์เช่นเดียวกัน การใช้ฮอร์โมนเพศชายเพื่อให้เปลี่ยนแปลงร่างกายให้มีความเป็นชาย ต้องใช้ฮอร์โมนปริมาณสูงในระดับที่ปลอดภัย และต้องเริ่มใช้ในปริมาณน้อยๆ ก่อน เพื่อดูการตอบสนองต่อการใช้ ซึ่งปัจจุบัน ฮอร์โมนแบ่งรูปแบบหลักๆ คือ

    - แบบฉีด มีแบบออกฤทธิ์ระยะสั้นไม่เกิน 4 สัปดาห์ แนะนำให้ฉีดทุก 2 สัปดาห์ ข้อดีคือ สามารถปรับขนาดยาสูง-ต่ำ, ปริมาณมาก-น้อย เพราะฤทธิ์อยู่ในช่วงสั้น, ราคาไม่แพงนัก ข้อเสียคือ ต้องมาฉีดบ่อย ส่วนแบบออกฤทธิ์ระยะยาวได้ถึง 3 เดือน ข้อดีคือ ไม่ต้องมาฉีดบ่อย ระดับฮอร์โมนไม่สวิง ข้อเสียคือ ไม่สามารถปรับขนาดยาได้ดีเท่าแบบระยะสั้น และราคาสูงกว่า

    - แบบกิน เป็นแบบออกฤทธิ์ระยะสั้น ข้อเสียคือ ต้องกินยาต่อเนื่องทุกวันและครั้งละหลายเม็ดถ้าต้องการให้ยาออกฤทธิ์เท่ายาฉีด ข้อดีคือ สะดวก ไม่เจ็บตัว สามารถกินเองได้ไม่ต้องมาโรงพยาบาล

    - แบบเจล เป็นแบบออกฤทธิ์ระยะสั้นเพียง 24 ชั่วโมง ต้องทาตามผิวหนังส่วนต่างๆ เพื่อให้ตัวยาดูดซึมเข้ากระแสเลือด ต้องเป็นบริเวณที่ไม่ได้ไปสัมผัสและไม่มีขนปกคลุมมาก เช่น หน้าท้อง ข้อดีคือ สะดวก ไม่เจ็บตัว ทาเองได้ไม่ต้องมาโรงพยาบาล ข้อเสียคือ ต้องทาทุกวัน

การเลือกใช้ประเภทของฮอร์โมน โดยส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำยาฉีดที่ออกฤทธิ์ระยะสั้นเพราะฤทธิ์ยาค่อนข้างแรงกว่ายากิน เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว (หลังใช้ฮอร์โมนราว 3-6 เดือน) และสามารถปรับขนาดยาได้ง่าย ผู้เข้ารับฮอร์โมนจะต้องได้รับฮอร์โมนต่อไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดฮอร์โมนและเพื่อป้องกันการผุกร่อนของกระดูก

ฮอร์โมน

ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องยอมรับจากการใช้ และหลังหยุดใช้ฮอร์โมน

การใช้ฮอร์โมนเพศนั้น จำเป็นต้องเข้าพบจิตแพทย์เพื่อตรวจสอบจิตใจว่ามีความพร้อมหรือไม่กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะฮอร์โมนเพศชายจะเข้าไปควบคุมการทํางานของรังไข่ ทําให้เรามีฮอร์โมนเพศหญิงต่ำ แต่จะมีฮอร์โมนเพศชายที่สูงขึ้น เมื่อร่างกายเราได้รับฮอร์โมนเข้าไปแล้ว ร่างกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป มีลักษณะความเป็นผู้ชายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงจากการใช้และหลังหยุดใช้ฮอร์โมนมีทั้ง...

    - การเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้หลังจากหยุดใช้ฮอร์โมน อาทิ เสียงที่แหบและโทนเสียงต่ำ ขนดก และต่อมคลิตอริส(ปุ่มกระสันที่อวัยวะเพศหญิง)ที่ขยายใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อฮอร์โมนของแต่ละคน

    - การเปลี่ยนแปลงที่สามารถย้อนกลับมาได้หลังหยุดใช้ฮอร์โมน เช่น การทำงานของรังไข่ (อาจตกไข่ได้ มีประจำเดือนได้) แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อย่าง อายุ ระยะเวลาการใช้ฮอร์โมนเพศชาย, สะโพกผายน้อยลง ขึ้นอยู่กับลักษณะกระดูกเชิงกรานแต่ละคน และไขมันช่องท้องมากขึ้น เป็นต้น

รวมทั้งมีผลข้างเคียงต่างๆ อาทิ ภาวะเลือดข้น ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ดังนั้นจึงควรใช้ฮอร์โมนด้วยความระมัดระวังและคอยติดตามผลกับแพทย์, ความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือดสูง เป็นภาวะที่พบได้บ้าง แต่ยังไม่มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง หรือนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันง่ายขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่า มีพฤติกรรมเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน เช่น อ้วน สูบบุหรี่ ไขมันในเลือดสูง เพราะอาจเป็นปัจจัยเสริมทำให้ความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น และผลข้างเคียงอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น รูขุมขนกว้าง ผิวหยาบ บางท่านอาจพบการเกิดสิวบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่มีผลร้ายแรง สามารถพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาได้

ใช้ฮอร์โมนอย่างปลอดภัย

หลายท่านคิดว่าการใช้ฮอร์โมนเพศไม่ว่าจะทั้งหญิงหรือชายก็สามารถซื้อหามาใช้เองได้เพราะไม่ใช่ยา ไม่เป็นอันตรายอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การใช้ฮอร์โมนเพศก็เหมือนการใช้ยา เพราะมีทั้งข้อดีและผลข้างเคียง ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน เพราะสภาพร่างกายและความแข็งแรงที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน จึงทำให้การตอบสนองต่อฮอร์โมนก็แตกต่างกันไปเช่นกัน ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือ การใช้ฮอร์โมนเพศชายควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเป็นผู้ชายข้ามเพศอย่างสมบูรณ์แบบ