วี-บีม เลเซอร์ (Vbeam Laser)


เป็นสิวก็ว่าหนักใจแล้ว ครั้นสิวหายดันทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าให้ชวนกลุ้มใจหนักเข้าไปอีก หลายคนหนีปัญหาสิวไม่พ้น ด้วยฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านทำให้สิวผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ในวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานจึงมักพบว่าเป็นสิวสูงกว่าวัยอื่น ผลพวงจากการทำงานของต่อมไขมันที่เพิ่มมากขึ้น เป็นผลให้เกิดเป็นสิวอักเสบได้ง่ายกว่าวัยอื่นนั่นเอง

ผลพวงหลังหายจากสิวอักเสบ บางครั้งก็ทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอยหลุมสิว รอยแผลหลุมสิวขรุขระบนใบหน้า รอยดำ หรือแม้กระทั่ง “รอยแดง” นับเป็นของฝากที่ไม่มีใครอยากได้

แต่ในปัจจุบันมีเลเซอร์ที่สามารถลดเลือนรอยแดงรอยสิวได้ดีที่สุด ผสานกับเทคโนโลยีระบบความเย็น DCDTM ที่ให้ความละเอียดสูงและแสงเลเซอร์ที่เที่ยงตรงสูง ทั้งในด้านพลังงานและระยะเวลาการปล่อยแสงเลเซอร์ที่แม่นยำ จึงทำให้ Vbeam สามารถรักษารอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด เห็นผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างชัดเจน ไม่มีบาดแผล ไม่มีความเจ็บปวด ไม่ต้องทายาชา และไม่เกิดรอยดำหลังการรักษา หลังรักษาสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันและแต่งหน้าได้ตามปกติ จึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน

Vbeam เป็นเลเซอร์ชนิด Pulsed Dye Laser มีความยาวคลื่นแสงที่ 595 นาโนเมตร (nm) ใช้ในการดูแลรักษาโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเส้นเลือด โดยเลเซอร์ Vbeam จะส่งผ่านแสงเพื่อไปทำลายเส้นเลือดบริเวณฐานของสิวจึงสามารถลดรอยแดงได้ และแสงยังผ่านไปบริเวณผิวชั้นใน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ด้วย

Vbeam Laser เหมาะสำหรับ

  • ปานแดง
  • สิวอักเสบ
  • รอยแดงนูน
  • เส้นเลือดฝอยเส้นเล็กๆ แตก บริเวณหน้าและขา
  • รอยแดง แผลเป็น

หลังรักษา โดยการยิงเลเซอร์ Vbeam เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ คนไข้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา และหากเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง รอยแดงจะดีขึ้นได้มากกว่า 80% ส่วนการดูแลหลังทำก็ง่ายๆ ให้หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ อย่างต่อเนื่อง

BEFORE

AFTER

อ่านถึงตรงนี้คงช่วยให้คนที่โดนสิวเล่นงานเบาใจขึ้น แต่ถึงจะมีเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่สิวทิ้งไว้ให้ แต่ถ้าให้ดีที่สุดควรเริ่มจากป้องกันไม่ให้เกิดสิว โดยหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้เกิดสิว เช่น ลดความเครียดวิตกกังวล พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์, เวลาล้างหน้าไม่ควรถูหน้าแรงๆ และล้างแค่วันละ 2 ครั้ง จะได้ไม่ทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคือง, ใช้เครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว และหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีปริมาณน้ำมันค่อนข้างสูง เช่น ครีมรองพื้น ครีมก่อนนอน ครีมบำรุงผิว เป็นต้น แต่ถ้าดูแลดีแล้วยังมีสิวมารังควาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาสิว และที่สำคัญเมื่อเป็นสิวแล้ว ไม่ควรแกะบีบสิว เพราะจะทำให้สิวอักเสบมากขึ้น และเกิดรอยดำ รอยแผลเป็น หลุมสิว หรือรอยแดง ต้องตามรักษากันอีกในภายหลัง

ข้อมูลโดยพญ.พงศ์รวี โอแสงธรรมนนท์

ค่ารักษา

สิวอักเสบ รอยแดงจากสิว เริ่มต้น 600 บาท

สิวอักเสบ รอยแดงจากสิว

เริ่มต้น 600 บาท

หัตถการของศูนย์ผิวหนังและเลเซอร์

เกร็ดความรู้

เพิ่มเติม