chat

โบคาไวรัส โรคในเด็กที่มากับหน้าหนาว

ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้นอกจาก ‘โนโรไวรัส’ จะเป็นสาเหตุของการระบาดติดเชื้ออุจจาระร่วง ท้องเสียแล้ว ‘โบคาไวรัส’ ยังเป็นอีกโรคหนึ่งที่มาในช่วงหน้าหนาวเหมือนกัน ติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง เป็นสาเหตุให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและล่างอักเสบ และโรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ ติดเชื้อได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด ส่วนใหญ่พบในช่วงอายุ 6-36 เดือน

‘โบคาไวรัส’ แม้ว่าอาการจะคล้ายไข้หวัดใหญ่และ หายเองได้ แต่ยังทำให้เกิดโรคข้างเคียงอย่างเยื่อแก้วหูอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ ปอดอักเสบ หลอดลมและกล่องเสียงอักเสบและหอบหืดได้อีกด้วย หากบุตรหลานหรือเด็กที่บ้านมีอาการเข้าข่ายเป็นโบคาไวรัส พ่อแม่ผู้ปกครองควรรีบนำตัวมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาต่อไป

โบคาไวรัสคืออะไร?

อาการหลังติดเชื้อโบคาไวรัส

อาการข้างเคียง

แนวทางป้องกันโบคาไวรัส

โบคาไวรัสและโนโวไวรัสแตกต่างกันอย่างไร?

Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับ ‘โรคโบคาไวรัส

โบคาไวรัสคืออะไร?

โบคาไวรัส

‘โบคาไวรัส’ (bocavirus) อยู่ในกลุ่มพาโวไวรัส เป็นเชื้อตามฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวปลายปีถึงต้นปี ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์จะระบาดมาก พบได้บ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ แพร่กระจาย ผ่านทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย เสมหะ หรือการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนไวรัส ทำให้ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและล่าง รวมถึงโรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ

โบคาไวรัส

มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล

โบคาไวรัส

หายใจลำบาก

โบคาไวรัส

บางรายอาจมีอาการท้องเสีย อาเจียน หรือปวดท้องร่วมด้วย

อาการข้างเคียง

โบคาไวรัส มีความเชื่อมโยงกับโรคปอดบวม โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์ การติดเชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นปอดบวมได้

แนวทางป้องกันโบคาไวรัส

ล้างมือบ่อย ๆ ก่อนหยิบจับอาหาร

ล้างมือทุกครั้ง หลังเข้าห้องน้ำ-ห้องสุขา

ดื่มน้ำที่สะอาดผ่านการกรองหรือต้มสุก

รับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่ และใช้ช้อนกลาง

หลีกเลี่ยงการสัมผัสข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

ซักผ้าให้สะอาดด้วยผงซักฟอก และอบแห้งโดยใช้ความร้อน

หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพราะเชื้อโรคสามารถอยู่ในอุจจาระได้นานถึง 2 สัปดาห์ แม้ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแล้วก็ตาม

เด็กป่วย ควรงดไปโรงเรียนจนกว่าอาการจะบรรเทา

โบคาไวรัสและโนโรไวรัสแตกต่างกันอย่างไร?
ความเหมือน

‘โนโรไวรัส’ กับ ‘โบคาไวรัส’ เหมือนกันตรงที่เป็นโรคที่มักระบาดช่วงหน้าหนาว มักเกิดกับเด็กเล็กเหมือนกัน

ความแตกต่าง

สาเหตุการติดเชื้อ โนโรไวรัสจะติดต่อผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือจับสัมผัสกับสิ่งของและตัวผู้ป่วยโดยตรง ขณะที่โบคาไวรัสติดต่อกันผ่านสารคัดหลั่ง ผู้ติดเชื้อ

โนโรไวรัส จะมีอาการอาเจียนหรือถ่ายเหลวเป็นน้ำ เกิดขึ้นฉับพลันใน 24-48 ชั่วโมงหลังรับเชื้อ เป็นผลให้เกิดภาวะขาดน้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล

ส่วนโบคาไวรัส จะเกิดอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและล่างอักเสบ และโรคระบบทางเดินอาหารอักเสบด้วย

Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับ ‘ไบคาไวรัส’

ถาม
ตอบ

มีแนวทางการรักษาโบคาไวรัสอย่างไร?

ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสที่จำเพาะสำหรับโบคาไวรัส การรักษาเน้นที่การบรรเทาอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ให้น้ำเกลือในกรณีขาดน้ำ หรือการช่วยหายใจในกรณีรุนแรง

ถาม
ตอบ

เด็กที่เคยติดโบคาไวรัสแล้วจะเกิดภูมิคุ้มกันโรคหรือไม่?

เด็กอายุ 18-24 เดือนที่เคยติดเชื้อโบคาไวรัสแล้วจะมีภูมิคุ้มกันร้อยละ 40 เมื่ออายุมากกว่า 2 ขวบจะเกิดภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 99

แพทย์ผู้เขียนบทความ

หัตถการของศูนย์กุมารเวช

เกร็ดความรู้

เพิ่มเติม