chat

แก้ไขปัสสาวะเล็ด

รักษาปัสสาวะเล็ด

ปัสสาวะเล็ด ปัญหากวนใจที่แก้ได้

ปัสสาวะเล็ด หรือ กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นับว่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิง แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเข้าใจกันว่าเป็นภาวะที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้น ความจริงแล้ว..เชื่อหรือไม่ว่าปัสสาวะเล็ดสามารถ เกิดขึ้นได้ในผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน และยังไม่ผ่านการคลอดลูก

มีผู้หญิงวัยทำงานหลายคนที่ประสบปัญหาปัสสาวะเล็ดในการดำเนินชีวิตประจำวันและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะการใช้ชีวิตในสังคมเมือง ทำให้ละเลยการเข้าห้องน้ำ อั้นปัสสาวะกันจนเคยชิน รวมถึงการดื่มน้ำมากเกินไป นั่นทำให้ปัสสาวะเล็ดเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้

เมื่อเกิดภาวะปัสสาวะเล็ดขึ้นแล้ว จะส่งผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ หลายคนต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ทำให้นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ กลางวันก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เพราะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยๆ เมื่อต้องเดินทางก็เกิดความกังวลว่าจะเข้าห้องน้ำที่ไหนดี ผู้หญิงหลายคนรู้สึกอายจนทำให้ไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในสังคม นอกจากนี้ ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนของผ้าอนามัยหรือแผ่นรองซับเพิ่มขึ้น ปัสสาวะเล็ดเป็นปัญหาที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตในสังคม ทำให้มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับสังคม การใช้ชีวิตประจำวัน การประกอบอาชีพ การดูแลทำความสะอาดสรีระร่างกาย รวมถึงปัญหาในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดความเครียด กังวล เกิดเป็นปมด้อย และอาจทำให้มีอาการซึมเศร้าตามมา

ปัสสาวะเล็ด โดยส่วนใหญ่พบในผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป และพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ สำหรับผู้ชายจะพบปัญหาปัสสาวะเล็ดราดได้น้อยกว่า โดยพบในผู้ชายอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เนื่องจากผู้ชายมีกล้ามเนื้อหูรูดกระเพาะปัสสาวะที่แข็งแรงกว่า และมีต่อมลูกหมากที่ช่วยป้องกันไม่ให้ปัสสาวะเล็ด จึงทำให้พบภาวะนี้ได้น้อยกว่าผู้หญิง

โดยปกติแล้ว การปัสสาวะเป็นกลไกการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยกำจัดของเสียในร่างกายและควบคุมปริมาณของน้ำในร่างกายให้สมดุล ในแต่ละวันคนเราจะปัสสาวะออกมาประมาณ 1- 1.5 ลิตร ปริมาณของน้ำปัสสาวะจะมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับ ชนิดของอาหารและเครื่องดื่ม และการเสียน้ำของร่างกายในทางอื่นๆ แต่คนที่มีภาวะ ปัสสาวะเล็ด จะมีความผิดปกติในการขับถ่ายปัสสาวะ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายปัสสาวะ เช่น สมองและระบบประสาทที่ควบคุมการกลั้นและการขับปัสสาวะ ไต หลอดไต กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ระบบหูรูด และกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน

ภาวะปัสสาวะเล็ดราด (Urinary Incontinence; UI) หรือ ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หมายถึง การมีปัสสาวะรั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ และมากพอจนทำให้เป็นปัญหาในการเข้าสังคม เป็นปัญหาสุขภาพและอนามัย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน ได้แก่

1. ปัสสาวะเล็ด เนื่องจากการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง (Stress Urinary Incontinence; SUI) หมายถึง ภาวะที่มีอาการปัสสาวะเล็ดออกมาเมื่อมีการเพิ่มแรงกดในกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง เช่น ไอ จาม เบ่ง หัวเราะ ออกกำลังกาย เป็นต้น หรืออาจเกิดขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่าทาง เช่น เดิน วิ่ง ก้าวขึ้นบันได ก้มลงยกของหนัก เป็นต้น ภาวะนี้เกิดจากหูรูดท่อปัสสาวะทำงานผิดปกติ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงในกลุ่มที่เริ่มมีอายุ น้ำหนักตัวมาก เคยมีประวัติคลอดบุตรยากหรือคลอดบุตรตัวโต ที่ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหรือกระเพาะปัสสาวะหย่อนยาน เป็นต้น

2. ปัสสาวะราด (Urge Urinary Incontinence; UUI) หมายถึง ภาวะที่มีอาการปัสสาวะราดออกมา หลังมีอาการปวดปัสสาวะ กล่าวคือมีอาการปวดปัสสาวะมากไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นานพอ ทำให้ปัสสาวะราดออกมาทั้งหมดทันทีโดยไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ทัน ภาวะนี้เกิดจากกระเพาะปัสสาวะมีการบีบตัวไวเกิน

3. ปัสสาวะเล็ดราด (Mixed Urinary Incontinence; MUI) หมายถึง ภาวะที่มีอาการปัสสาวะเล็ดราดหลังจากมีอาการปวดปัสสาวะเฉียบพลันและหลังจากมีการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง โดยผู้ป่วยจะมีทั้งอาการ SUI และ UUI ร่วมกัน ภาวะนี้พบได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิงเท่าๆ กัน

4. ปัสสาวะล้น (Overflow Urinary Incontinence) หมายถึง ภาวะที่ผู้ป่วยกลั้นปัสสาวะไม่ได้ เมื่อมีน้ำปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะในปริมาณมาก และแรงดันในกระเพาะปัสสาวะสูงกว่าแรงดันที่หูรูดท่อปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะไหลล้นออกมา ภาวะนี้เกิดได้ในผู้ป่วยที่มีระบบประสาทที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะเสียไปจากอุบัติเหตุ เนื้องอก หรือ โรคเบาหวาน

urine

การรักษาภาวะปัสสาวะเล็ด

แนวทางการรักษาปัสสาวะเล็ด มี 2 วิธี ได้แก่ การรักษาแบบประคับประคอง และการรักษาโดยการผ่าตัด ใช้เลเซอร์

การรักษาแบบประคับประคอง ได้แก่ การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการฝึกขมิบช่องคลอด (Kegel Exercise) เป็นประจำทุกวัน ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการป้องกันและรักษาปัสสาวะเล็ด หลังปฏิบัติ 3-6 เดือน จะได้ผลดีประมาณร้อยละ 40-60 แต่หากหยุดฝึกจะกลับมาเป็นซ้ำอีก นอกจากนี้ในผู้ที่มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือ ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างรอการผ่าตัดรักษา แพทย์อาจพิจารณาใส่ผ้าอนามัยแบบสอดเพื่อลดการเล็ดของปัสสาวะ สำหรับภาวะปัสสาวะราดสามารถรักษาแบบประคับประคองได้ โดยการฝึกกำหนดช่วงเวลาในการขับถ่ายปัสสาวะ โดยพยายามฝึกกลั้นปัสสาวะให้นานที่สุด

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยห่วงหรืออุปกรณ์พยุงในช่องคลอด (Vaginal Pessary) ห่วงชนิดนี้จะมีตุ่มนูนเพื่อกดบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ขณะไอหรือจาม จะไม่มีปัสสาวะไหลออกมา โดยผู้ป่วยอาจใส่อุปกรณ์ก่อนทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงหรืออาจใส่ไว้ตลอดเวลา ผลการรักษามีประสิทธิภาพประมาณร้อยละ 30-40 ส่วนใหญ่พบว่ายังมีอาการปัสสาวะเล็ดราดอยู่

นอกจากนี้ปัจจุบันได้มีการนำเลเซอร์มาใช้ในการรักษาภาวะไอจามปัสสาวะเล็ดในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง และมีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ เป็นการรักษาที่ไม่มีบาดแผล ไม่เจ็บปวด และไม่มีการสูญเสียเลือด อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยเลเซอร์ไม่สามารถรักษาปัสสาวะเล็ดได้อย่างถาวร

การผ่าตัดอื่นๆ ที่ช่วยแก้ไขภาวะปัสสาวะเล็ด ได้แก่ การผ่าตัดเย็บเนื้อเยื่อบริเวณใกล้คอปัสสาวะติดกับกระดูกหัวหน่าว การผ่าตัดวิธีนี้ทำได้โดยการเปิดแผลบริเวณเหนือหัวหน่าว จากนั้นเย็บตรึงเนื้อเยื่อบริเวณท่อปัสสาวะเอาไว้ การผ่าตัดให้ผลดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แต่เนื่องจากแผลผ่าตัดกว้างและใช้เวลาพักฟื้นนาน จึงทำให้ความนิยมในการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ลดลงไป และการผ่าตัด รีแพร์ (A-P Repair) หรือ การผ่าตัด กระชับช่องคลอด โดยปกติเป็นการผ่าตัดรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน แต่มีผลช่วยทำให้อาการปัสสาวะเล็ดดีขึ้นได้ในช่วงแรก แต่เมื่อนานไปอาจกลับมาเป็นซ้ำอีกในระยะ 5 ปีหลังการผ่าตัด

นอกจากนี้ การฉีดสารเติมเต็มช่วยลดขนาดท่อปัสสาวะ โดยฉีดเข้าไปที่บริเวณด้านนอกของท่อปัสสาวะหรือที่คอกระเพาะปัสสาวะ เพื่อป้องกันการเปิดตัวของหูรูดของท่อปัสสาวะก่อนกำหนด ซึ่งจะช่วยทำให้อาการปัสสาวะเล็ดดีขึ้น ปัสสาวะอาจเล็ดน้อยลงหรือไม่เล็ดเลย แต่อาจจำเป็นต้องฉีดซ้าขึ้นกับชนิดของสารเติมเต็มที่ใช้ฉีด

การปฏิบัติตนเพื่อให้ระบบขับถ่ายปัสสาวะเป็นปกตินั้น เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพอนามัย ดังนั้นจึงควรดูแลรักษาอวัยวะในระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะปัสสาวะเล็ด ซึ่งทำได้โดยการควบคุมน้ำหนัก ไม่ปล่อยให้น้ำหนักขึ้นมากไป รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกสุขลักษณะ รับประทานผักผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดให้พอเหมาะต่อความต้องการของร่างกาย หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ท้องผูก ไม่กลั้นอุจจาระและปัสสาวะเป็นเวลานาน ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ และถ้ามีอาการผิดปกติต้องรีบปรึกษาแพทย์ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ และการมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับภาวะปัสสาวะเล็ด จะช่วยทำให้คุณห่างไกลจากภาวะปัสสาวะเล็ด และทำให้ใช้ชีวิตในทุกๆ วันได้อย่างมั่นใจ

ค่ารักษา

เพิ่มเติม
การรักษา ราคา(บาท)
เลเซอร์แก้ไขปัสสาวะเล็ดโดยไม่ต้องผ่าตัด (ไม่ดมยา) 50,500 บาท
ผ่าตัดแก้ไขปัสสาวะเล็ด (ดมยา) พัก 1 คืน 101,500 บาท
การรักษา
เลเซอร์แก้ไขปัสสาวะเล็ดโดยไม่ต้องผ่าตัด (ไม่ดมยา)
50,500 บาท
ผ่าตัดแก้ไขปัสสาวะเล็ด (ดมยา)
พัก 1 คืน
101,500 บาท

เกร็ดความรู้

เพิ่มเติม