chat

สักรักษาโรคด่างขาว

โรคด่างขาว คืออะไร

โรคด่างขาว (Vitiligo) เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติกับเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสีผิว (Melanocyte) โดยเซลล์ดังกล่าวอาจถูกทำลายหรือหยุดการสร้างเม็ดสีผิว (Melanin) โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เกิดเป็นรอยโรคสีขาวบนผิวหนัง มีขอบเขตชัดเจน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว แต่คนที่มีผิวสีเข้มจะเห็นได้เด่นชัดกว่า

รอยโรคสามารถเกิดขึ้นในบริเวณใดก็ได้บนร่างกาย โดยตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ ใบหน้า รอบปาก รอบดวงตา ลำคอ มือ ปลายนิ้ว แขน ขา ปลายเท้า และตำแหน่งที่มีการเคลื่อนไหวมาก ได้แก่ ข้อพับ รักแร้ ข้อมือ หลังมือ ขาหนีบ เข่า นอกจากนี้ ยังพบรอยด่างได้ตามเยื่อเมือกบุในอวัยวะต่างๆ เช่น ช่องปาก เหงือก อวัยวะเพศ หัวนม หนังศีรษะ เป็นต้น หากรอยโรคเกิดบนตำแหน่งที่มีขน จะทำให้ผมและขนบริเวณนั้นเป็นสีขาวไปด้วย เป็นโรคที่ลุกลามหรือขยายขนาดกว้างได้ และเกิดเพิ่มในบริเวณอื่นๆ ได้ มักกระจายเท่ากันทั้งสองข้าง ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดมากหรือน้อยเพียงใด และเกิดเมื่อไหร่

โรคด่างขาวพบได้ในทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกวัย มักพบรอยโรคในช่วงเด็กหรือวัยรุ่น โดยเฉลี่ยเริ่มพบรอยโรคเมื่ออายุประมาณ 20 ปี พบอุบัติการณ์ประมาณ 1-2 % ของประชากรทั่วโลก แต่อาจพบมากขึ้นกรณีผู้ป่วยเป็นโรคภูมิต้านตนเอง โรคเลือด โรคโลหิตจาง โรคของต่อมไทรอยด์ โรคต่อมหมวกไต โรคเบาหวาน และโรคผมร่วง ร่วมด้วย โรคด่างขาวไม่เป็นอันตรายและไม่ใช่โรคติดต่อ โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคด่างขาวมักจะมีสุขภาพปกติดี ยกเว้นผู้ป่วยที่มีโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังสูงบริเวณรอยโรคหากได้รับแสงแดดเป็นจำนวนมาก โรคด่างขาวส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจของผู้ที่เป็นโรคนี้ ทำให้ขาดความมั่นใจ ใช้ชีวิตในสังคมได้ลำบาก บางรายอาจถูกล้อเลียนจนไม่กล้าออกไปพบใคร ทำให้ไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิต

อาการแสดงของโรคด่างขาว

การเกิดรอยโรคด่างขาว มักเกิดขึ้นบนผิวหนังโดยไม่มีผื่นคันนำมาก่อน สีผิวจะเริ่มซีดและค่อยๆ เปลี่ยนไปจนกลายเป็นรอยด่างขาว ส่วนผิวหนังข้างเคียงเป็นปกติทุกอย่าง ลักษณะผิวหนังบริเวณรอยโรคอาจเรียบหรือไม่เรียบก็ได้ ในบางรายอาจมีผิวแดง อักเสบ มีสีผิวเข้มขึ้น หรือมีอาการคันร่วมด้วย รูปร่างของรอยขาวอาจเป็นวงกลม วงรี หรือเป็นเส้นยาว มีขนาดตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ อาจเกิดขึ้นเพียงวงเดียว หรือหลายๆ วงกระจายทั่วทั้งตัว อาการร่วมของโรคด่างขาว อาจเกิดร่วมกับความผิดปกติของอวัยวะอื่นๆ เช่น ดวงตา ผู้ป่วยอาจมีอาการม่านตาอักเสบร่วมด้วย, โรคภูมิต้านตนเอง โรคของต่อมไทรอยด์ โรคเบาหวาน โรคเลือด และโรคผมร่วงเป็นหย่อม ซึ่งมักพบกับโรคด่างขาวที่รอยโรคเกิดกระจัดกระจายเป็นหย่อมๆ และโรคด่างขาวทีเป็นกรรมพันธุ์ และโรคทางหู ผู้ป่วยโรคด่างขาวอาจพบความผิดปกติทางการได้ยินได้

การรักษาโรคด่างขาว

เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค โรคด่างขาวจึงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่จุดประสงค์ของการรักษาคือการประคับประคองอาการหรือทำให้รอยด่างขาวที่ปรากฏดูดีขึ้น โดยวิธีการรักษาขึ้นอยู่กับอาการและความต้องการของผู้ป่วย การรักษาในแต่ละวิธีมีผลข้างเคียงและผู้ป่วยมีการตอบสนองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน วิธีการรักษาโรคด่างขาวในปัจจุบัน มีดังนี้

  • การรักษาด้วยยา เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ ยาในกลุ่มวิตามินดี กลุ่มยาต้านแคลซินูริน เป็นต้น ใช้ได้ในผู้ป่วยที่เป็นน้อย เป็นวิธีการรักษาที่ค่อนข้างง่าย แต่ผลการรักษาไม่ค่อยดีนัก
  • การรักษาด้วยยาควบคู่ไปกับการฉายแสง ตัวยาจะทำให้ผิวมีความไวต่อแสงและทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพู ซึ่งเป็นการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวปกติให้กลับคืนมา
  • การฉายแสงด้วยรังสียูวีบี (UVB) มีประสิทธิภาพในการรักษาบริเวณใบหน้า ลำตัว แขน และขา โดยผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และต้องใช้เวลารักษา 1-2 ปี
  • การรักษาด้วยเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวขึ้นมาใหม่ โดยการใช้เอ็กซ์ไซเมอร์ เลเซอร์ (Excimer Laser) ใช้กับพื้นที่ขนาดเล็ก มักใช้รักษาร่วมกับการใช้ยาทา
  • การฟอกสีผิว (Depigmentation) ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีด่างขาวแพร่กระจายเป็นบริเวณกว้างและรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการรักษาวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 9 เดือนขึ้นไป
  • การปลูกถ่ายผิวหนัง (Skin Grafting) โดยการนำผิวหนังจากบริเวณอื่นมาปะเข้าไปบริเวณรอยโรคที่เป็นสีขาว เพื่อปกปิดรอยโรค ทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ ใช้รักษาเมื่อการใช้ยาและการบำบัดไม่ได้ผล
  • การสัก (Micropigmentation) เป็นการใช้เครื่องมือสักเป็นตัวพาสีสำหรับสัก เข้าไปในผิวหนังเพื่อทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ ใช้ในผู้ป่วยที่รอยด่างขาวมีขนาดเล็กและมีจำนวนไม่มาก รักษาด้วยยาและการบำบัดแล้วไม่ได้ผล

สัก…รักษาโรคด่างขาวได้อย่างไร

การสัก เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาโรคด่างขาว และสามารถใช้รักษาร่วมกับการบำบัดอื่นๆ ได้ โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ วิธีการรักษาโดยการสักจะถูกใช้เมื่อการรักษาด้วยการบำบัดและการใช้ยาไม่เป็นผล ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ลุกลามหรือขยายขนาดแล้ว รอยด่างขาวมีขนาดเล็ก เป็นจุดกระจาย ไม่เกิดเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งจุดประสงค์ในการสักรักษาคือ เพื่อทำให้สีผิวมีความสม่ำเสมอโดยการใช้สีจากภายนอกที่ใกล้เคียงกับสีผิวผู้ป่วย กลบสีขาวของรอยโรคเพื่อปกปิด ทำให้ผิวหนังในตำแหน่งที่เป็นรอยโรคกลมกลืนไปกับผิวหนังบริเวณรอบๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

การเตรียมตัวก่อนการสักรักษาโรคด่างขาว

  • การสักรักษาโรคด่างขาวทำภายใต้ยาชาเฉพาะที่ จึงไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนทำ
  • งดยาที่ทำให้เลือดออกมาก เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาแอสไพริน วิตามินอี วิตามินบี 12 เป็นเวลา 2-3 วัน ก่อนทำการสัก
  • งดรับประทานหรือใช้อาหารเสริมที่ทำให้ผิวขาวกว่าปกติ
  • งดอาบแดดหรือทำผิวแทน หากทำผิวแทนมาแล้วอาจจะต้องรอให้ผิวกลับสู่สภาพปกติก่อน ถึงจะสามารถสักรักษาได้
  • งดสักอื่นๆ ที่ไม่ใช่สักรักษา เนื่องจากอาจทำให้โรคลุกลามหรือเกิดรอยใหม่ขึ้นมาได้ เนื่องจากเซลล์ผิวหนังโดนกระตุ้น
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคนไข้รับประทานยานอนหลับ ยาที่มีฤทธิ์กดประสาท เนื่องจากอาจทำให้ยาเสริมฤทธิ์กันมากขึ้น แพทย์อาจพิจารณาลดปริมาณยาชาให้เหมาะสม
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคนไข้พักผ่อนน้อย บางท่านอาจโดยสารเครื่องบินมาและยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อน มาทำเลยทันที ซึ่งหลังสักเสร็จแล้วอาจทำให้คนไข้มีอาการอ่อนเพลียมากขึ้น
  • ควรมีเพื่อนมาด้วย ไม่ควรขับรถกลับเอง หากไม่มีเพื่อนมาด้วยควรนั่งแท็กซี่กลับ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

ขั้นตอนการสักรักษาโรคด่างขาว

1. เมื่อมาพบแพทย์ แพทย์จะทำการซักประวัติ สอบถามถึงระยะเวลาที่เป็นโรคด่างขาวว่าเป็นมานานหรือยัง โรคยังลุกลามหรือสงบแล้ว ถ้าโรคยังลุกลามแพทย์จะยังไม่พิจารณาสักให้ เนื่องจากสักไปแล้วอาจทำให้โรคลุกลามมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้ป่วยโรคด่างขาวที่สามารถสักรักษาได้คือโรคต้องสงบแล้ว

2. เคยรักษาวิธีไหนมาบ้าง โดยส่วนใหญ่หากยังไม่เคยรักษาด้วยวิธีไหนมาก่อนเลย แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยวิธีอื่นก่อน เช่น รักษาด้วยยา ฉายแสง เป็นต้น เมื่อรักษาจนกระทั่งถึงจุดหนึ่งแล้ว เหลือรอยโรคอยู่เพียงเล็กน้อย เป็นบริเวณเล็กๆ จึงค่อยนำการสักมาช่วยรักษา

3. เมื่อซักประวัติและสอบถามผู้ป่วยเสร็จแล้ว แพทย์จะตรวจร่างกาย ตรวจดูลักษณะด่างขาว สำหรับโรคด่างขาวที่สักรักษาแล้วได้ผลดี คือ มีขนาดเล็ก เป็นจุดกระจาย ไม่เกิดเป็นบริเวณกว้าง หากผู้ป่วยเป็นมาก อาจรักษาด้วยวิธีอื่นก่อน จนกระทั่งรอยโรคเหลือเล็กลง จึงค่อยนำการสักมาช่วยรักษา

4. พิจารณาถึงตำแหน่งที่เกิดรอยโรค เป็นตำแหน่งที่สักได้หรือไม่ การสักนั้นสามารถสักได้ทั่วร่างกาย แต่มีบางตำแหน่งที่ทำแล้วไม่ค่อยได้ผลดี สีไม่ค่อยติด คือ บริเวณมือและเท้า โดยเฉพาะนิ้วมือและนิ้วเท้า เพราะเป็นตำแหน่งที่ผิวหนังหนาและมีการขยับ เคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้สีเซ็ตตัวยาก เมื่อเทียบกับการสักที่ใบหน้าและลำตัวซึ่งได้ผลดีกว่า

5. เมื่อประเมินเสร็จแล้ว แพทย์จะดูสีผิว ผสมสีสำหรับสัก และเทียบสีให้ใกล้เคียงกับสีผิวของผู้ป่วยมากที่สุด จากนั้นทายาชาและทำการสัก เวลาที่ใช้ในการสักขึ้นอยู่กับบริเวณและตำแหน่งที่ทำ

6. เมื่อสักไปแล้วในครั้งแรกสีที่ได้อาจไม่เหมือนสีผิวของคนไข้ทั้งหมด เนื่องจากผิวหนังของแต่ละคนมีข้อจำกัดในการรับสีไม่เหมือนกัน ดังนั้น หลังจากสักไปแล้ว 2 เดือน แพทย์จะนัดกลับมาดูสีและพิจารณาสักซ้ำ โดยส่วนใหญ่สักรักษาโรคด่างขาวทำประมาณ 2-4 ครั้ง ทั้งนี้ ผิวหนังจะรับสีได้ดีที่สุด 2-3 ครั้งแรกเท่านั้น การสักรักษาโรคด่างขาว ผลการรักษาอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี จากนั้นต้องกลับมาดูและพิจารณาสักเพิ่มเติม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังสักรักษาโรคด่างขาว

  • รอยแผลถลอก แดง ประมาณ 1 วัน จากนั้นแผลจะตกสะเก็ดและลอกออกภายใน 1 สัปดาห์
  • ผิวคล้ำขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 1 เดือน จากนั้นเซลล์ผิวหนังจะค่อยๆ ปรับสีจนกระทั่งสีสักกลืนกับสีผิวของผู้ป่วย
  • สีเพี้ยน ซึ่งพบได้น้อยมาก เกิดจากเซลล์ผิวหนังของคนไข้ที่มีการรับสีไม่เหมือนกัน ทำให้สีที่สักลงไปเกิดการเปลี่ยนแปลง เข่น บางรายสักแล้วสีผิวเข้มขึ้นโดยไม่จางลง บางรายสักสีอ่อนแต่กลายเป็นติดสีเข้ม เป็นต้น ซึ่งไม่สามารถแก้ไข้โดยการสักซ้ำและไม่สามารถลบรอยสักได้ ต้องรอให้ร่างกายกำจัดสีออกไปเองโดยกระบวนการทางธรรมชาติ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนั้นผู้ป่วยสามารถใช้เครื่องสำอางปกปิดได้

ข้อควรปฏิบัติหลังการสักรักษาโรคด่างขาว

  • กรณีที่มีผ้าก๊อซปิด สามารถดึงออกได้ภายหลังทำ 4-6 ชั่วโมง
  • ประคบเย็นด้วย (Ice pack) หรือผ้าห่อน้ำแข็งบ่อยๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม
  • รักษาความชุ่มชื้นโดยทายาตามแพทย์สั่งวันละ 4 ครั้ง จนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดหมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
  • หากบริเวณที่ทำมีสะเก็ด ห้ามแกะหรือลอกออกเด็ดขาด เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็น
  • หากมีอาการปวดให้รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล (Paracetamol) ได้ แต่ห้ามทานยาแอสไพริน (Aspirin)
  • งดใช้สบู่ ครีมทำความสะอาดผิว (Cleansers) เครื่องสำอาง (Make up) ในบริเวณที่สักอย่างน้อย 3 วัน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด การอาบน้ำร้อน อบซาวน่า จากุชซี่ อย่างน้อย 3 วัน
  • หลังจาก 3 วัน หากอาบแดดหรือทำผิวแทน ตำแหน่งที่ทำอาจดูสีอ่อนลงเมื่อเทียบกับสีผิวที่แท้จริง แต่จะเป็นเพียงชั่วคราว
  • สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ควรงดออกกำลังกายที่ต้องใช้พลังงานมากๆ เช่น เต้นแอโรบิก ยกน้ำหนัก อย่างน้อย 3 วัน
  • ห้ามลงสระว่ายน้ำอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากคลอรีนในสระว่ายน้ำจะทำให้สีที่สักไว้จางลงได้

เนื่องจากโรคด่างขาวเป็นโรคที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น การรักษาโรคด่างขาวจึงเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ อย่างไรก็ตาม วิธีการบำบัดรักษาต่างๆ จะช่วยทำให้รอยด่างขาวที่ปรากฏดูดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นด่างขาวบริเวณใบหน้า แม้ว่าการสักอาจจะไม่ทำให้สีผิวกลับมาเหมือนผิวหนังปกติ 100% แต่ก็ช่วยให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคด่างขาวมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น กล้าออกไปพบปะผู้คน และใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ค่ารักษา

เพิ่มเติม
การรักษา ราคา(บาท)
สักคิ้วถาวร ( 2 ครั้ง ) 5,000 บาท
สักริมฝีปากสีชมพู ( 2 ครั้ง ) 10,000 บาท
สักขอบริมฝีปาก บน-ล่าง ( 1 ครั้ง ) 5,000 บาท
สักหัวนม และปานนมสีชมพู ( 2 ครั้ง ) 10,000 บาท
สักปิดด่างขาว, แผลเป็น, ไฟไหม้, น้ำร้อนลวก และปกปิดสีผิวที่ผิดปรกติ ต่อตารางเซนติเมตร ( 2 ครั้ง ) 2,000 บาท
สักไรผม / ตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง ) 800 บาท
ลบรอยสัก, แก้ไขรอยสัก ต่อตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง ) 1,500 บาท
การรักษา
สักคิ้วถาวร ( 2 ครั้ง )
5,000 บาท
สักริมฝีปากสีชมพู ( 2 ครั้ง )
10,000 บาท
สักขอบริมฝีปาก บน-ล่าง ( 1 ครั้ง )
5,000 บาท
สักหัวนม และปานนมสีชมพู ( 2 ครั้ง )
10,000 บาท
สักปิดด่างขาว, แผลเป็น, ไฟไหม้, น้ำร้อนลวก และปกปิดสีผิวที่ผิดปรกติ ต่อตารางเซนติเมตร ( 2 ครั้ง )
2,000 บาท
สักไรผม / ตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง )
800 บาท
ลบรอยสัก, แก้ไขรอยสัก ต่อตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง )
1,500 บาท

แพทย์ประจำศูนย์สัก เพื่อการรักษาและความงาม

เพิ่มเติม

เกร็ดความรู้

เพิ่มเติม