chat
สักขอบตา

ตาโต คมสวยเป็นธรรมชาติ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ผู้หญิง” กับ “ความสวยความงาม” ย่อมเป็นของคู่กัน แต่ด้วยยุคสมัยและการใช้ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป ทำให้สาวๆ สมัยนี้มีอะไรที่ต้องทำเยอะแยะมากมายในแต่ละวัน และยังต้องแต่งตัวแต่งหน้าให้สดใสดูดีตลอดทั้งวัน ดูไม่โทรมเหมือนคนป่วย ทำให้สาวๆ อาจจะต้องรีบเร่งกันสักหน่อย ตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัว รวมไปถึงภารกิจสำคัญของสาวๆ หลายคน นั่นก็คือ “การแต่งหน้า” ที่ต้องใช้เวลาไม่น้อย รวมไปถึง“การกรีดอายไลน์เนอร์” เวลารีบๆ นี่เองที่ทำให้สาวๆ วาดจนขอบตาเลอะบ้าง กรีดไม่เท่ากันบ้าง หรือบางคนอยากกรีดอายไลน์เนอร์บ้างแต่ก็เขียนไม่เป็นสักที สิ่งที่ได้คือ เสียเวลา เสียงาน เสียอารมณ์ รวมไปถึงคนที่อยากกรีดอายไลน์เนอร์แต่ก็ต้องยอมพ่ายแพ้ไป เพราะแพ้ดินสอเขียนขอบตา แพ้มาสคาร่าปัดขนตา เขียนขอบตาทีไรต้องเสียน้ำตา หรือเกิดการระคายเคืองทุกครั้ง

แต่ปัญหาความงามเหล่านี้ก็มักจะมาพร้อมกับทางออกและตัวช่วยดีๆ ที่คอยเอาใจสาวๆ เสมอ ด้วยวิวัฒนาการด้านความงามที่ก้าวหน้าอย่าง “การสักเพื่อความงาม” ที่จะทำให้คุณมีดวงตาที่คมสวยแม้ในเวลาเร่งรีบ หรือแม้ว่าเป็นวันที่ไม่ได้แต่งหน้า ก็สามารถทำให้ดวงตาธรรมดาให้เป็นดวงตาที่ดูสวย คมเข้ม เป็นธรรมชาติได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ประหยัดเวลาในการแต่งหน้าไปได้เยอะเลยทีเดียว ตัวช่วยที่ว่านี้ก็คือ “การสักขอบตา” นั่นเอง

การสักขอบตาคือ การใช้สีสักบริเวณขอบตาบนและล่าง เพื่อทำให้ขอบตาแลดูมีขอบคมชัด ดวงตาดูกลมโต และทำให้เรียวยาวขึ้น เหมือนการกรีดอายไลน์เนอร์ด้วยดินสอเขียนขอบตานั่นเอง โดยการสักขอบตาแบ่งเป็น 2 แบบคือ การสักแบบอินเนอร์ไลน์เนอร์ และอินเนอร์ไลน์เนอร์ร่วมกับอายไลน์เนอร์ ซึ่งการสักแบบอายไลน์เนอร์ก็มีหลายแบบ เช่น สักแบบมีหาง ตวัดหาง ชั้นใหญ่ เส้นบาง และมีการไล่สีเหมือนการแรเงาคล้ายๆ กับเวลาที่สาวๆ แต่งสีตาด้วยอายแชโดว์นั่นเอง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของและความเหมาะสมของคนไข้

การสักขอบตาเหมาะกับใครบ้าง

✔คนที่เขียนขอบตาไม่เป็น หรือมีปัญหากับการเขียนขอบตา เช่น สายตาไม่ดี, มือสั่น

✔คนที่ต้องการประหยัดเวลาแต่งหน้าในวันที่รีบเร่ง และสามารถเขียนทับได้หากต้องการแต่งขอบตาเพิ่มเติม

✔คนที่แพ้มาสคาร่า แพ้ดินสอเขียนขอบตา (อายไลน์เนอร์) แพ้จนทำให้เกิดอาการคันตา น้ำตาไหล เคืองตา

✔คนที่มีขนตาบาง ชั้นตาเล็ก และอยากให้ดวงตาแลดูกลมโตขึ้น ขนตาแลดูหนาขึ้น และดวงตาที่ดูคมขึ้น

สีที่ใช้ในการสักขอบตา

เป็นสีที่ใช้ในทางการแพทย์และเครื่องสำอาง ไม่ก่อปฏิกิริยากับร่างกาย ไม่ก่อมะเร็งและพบปฏิกิริยาแพ้น้อยมาก

ลดความกังวล..เพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัย

เนื่องจากเป็นการสักขอบตาที่ทำในโรงพยาบาล มีแพทย์ผู้ชำนาญการเป็นผู้ทำการสัก และมีการใช้ยานอนหลับ ข้อดีคือ หลังจากคนไข้หลับเพราะฤทธิ์ยานอนหลับแล้ว แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่ให้ ดังนั้นคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บใดๆ เนื่องจากหลับอยู่ วิธีนี้คล้ายๆ กับการศัลยกรรมตาสองชั้นที่มีการให้ยานอนหลับและยาชาเฉพาะที่ จึงทำให้คนไข้คลายกังวลได้และไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด

ขั้นตอนการสักขอบตาทั้งหมดทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์ ทำในห้องปลอดเชื้อ ใช้เครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ และเข็มที่ใช้ในการสักเป็นเข็มที่ใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยทุกขั้นตอน

การเตรียมตัวก่อนสักขอบตา

เนื่องจากเป็นการสักที่ต้องใช้ยานอนหลับ คนไข้จำเป็นต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และงดน้ำงดอาหารก่อนทำการสัก 4-6 ชั่วโมง หากคนไข้ทานยานอนหลับหรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาทอยู่ก่อนหน้าแล้ว จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ก่อนทำการสัก เพื่อแพทย์จะได้ปรับยาให้เหมาะสมกับคนไข้ ควรงดใส่คอนแทคเลนส์ทั้งก่อนและหลังทำการสักประมาณ 2 สัปดาห์ และควรมีคนมาเป็นเพื่อนเพื่อพากลับบ้าน ไม่ควรขับรถเอง รวมถึงเตรียมแว่นกันแดดมาด้วยเนื่องจากหลังทำการสัก คนไข้อาจมีอาการเคืองตา และมีอาการบวมได้บ้างเล็กน้อย

ขั้นตอนในการสักขอบตา

เริ่มจากแพทย์ผู้ชำนาญการร่วมพูดคุยให้คำปรึกษากับคนไข้ ทั้งในเรื่องจุดประสงค์และความต้องการของคนไข้ เช่น สักเพื่อแก้ปัญหาชั้นตาที่แลดูเล็ก สักเพราะต้องการประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวกในการแต่งหน้า หรือต้องการให้ดวงตาดูคม กลมโตเป็นธรรมชาติ เป็นต้น รวมไปถึงความต้องการของคนไข้ว่าต้องการลักษณะเส้นขอบตาแบบใดเพื่อให้เหมาะสมกับตัวเองและเป็นธรรมชาติ

เมื่อทราบถึงความต้องการของคนไข้แล้ว แพทย์จะทำการออกแบบโครงร่างให้ดูว่าคนไข้พึงพอใจหรือไม่ จากนั้นจะมีการใช้ยานอนหลับและยาชาเฉพาะที่ และแพทย์ทำการสักขอบตาตามโครงร่างที่ได้พูดคุยกับคนไข้ไว้แล้ว โดยขั้นตอนการสักขอบตาจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ผลลัพธ์การสักขอบตา

การสักขอบตาจะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละคน เนื่องจากชั้นตาเป็นผิวหนังที่บาง เพราะฉะนั้นสีที่ใส่ได้จะเป็นปริมาณที่ไม่เยอะ เพราะฉะนั้นอาจจะจางลงเร็วกว่าเมื่อเทียบกับการสักในตำแหน่งอื่น แต่โดยทั่วไปการติดทนของสีหลังจากสักขอบตาจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี

การดูแลตัวเองหลังสักขอบตา

หลังการสักขอบตา คนไข้อาจมีอาการเคืองตา แสบตา และบวมเล็กน้อย (ซึ่งพบได้น้อยมาก) แต่อาการเหล่านี้จะดีขึ้นและหายได้เอง คนไข้จึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด โดยหลังทำเสร็จคนไข้สามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย และควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ดังนี้

  • ไม่ใช้สบู่, ครีมทำความสะอาดผิว (Cleanser) เครื่องสำอาง รวมถึงหลีกเลี่ยงแสงแดดและการอาบน้ำร้อน, อบซาวน่า และจากุซซี่อย่างน้อย 3 วัน
  • ห้ามลงสระว่ายน้ำอย่างน้อย 1สัปดาห์ เนื่องจากคลอรีนในสระจะทำให้สีที่สักไว้จางลงได้
  • ห้ามดัดขนตาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • ห้ามใช้มาสคาร่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เมื่อจะเริ่มใช้มาสคาร่าให้ใช้หลอดที่เพิ่งเปิดใหม่เท่านั้น
  • ควรใส่แว่นกันแดดถ้าต้องออกไปในบริเวณที่มีแดดจัด
  • ไม่ควรขับรถเองหลังการสักขอบตาอย่างน้อย 12 ชั่วโมง และงดใส่คอนแทคเลนส์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นสามารถใส่ได้ตามปกติ
  • ถ้าพบว่าบริเวณที่ทำมีสะเก็ด ห้ามแกะหรือลอกออกเด็ดขาด
  • ให้ประคบบริเวณที่ทำด้วย Ice Pack หรือ ผ้าห่อน้ำแข็งบ่อยๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม
  • รักษาความชุ่มชื่นบริเวณที่ทำ โดยการทายาตามที่แพทย์สั่งวันละ 4 ครั้ง จนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดออกหมด (ประมาณ 1 สัปดาห์)
  • ถ้ามีอาการปวดให้ทานยาแก้ปวด Paracetamol ได้ ห้ามทานยา Aspirin
  • สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ควรงดออกกำลังกายที่ต้องใช้พลังงานมากๆ เช่น เต้นแอโรบิก ยกน้ำหนัก อย่างน้อย 3 วัน

การแก้ไขหรือลบรอยสักขอบตาเดิม

ปัญหาที่เจอบ่อยในกรณีที่สักขอบตากับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญคือ สีไม่ติด สีไหล และผิวหนังเกิดความระคายเคืองอักเสบ รวมถึงอาจเกิดผลแทรกซ้อนที่อันตราย เกิดแผลที่กระจกตาซึ่งเป็นภาวะที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อภายในลูกตาได้ สาเหตุเนื่องจากการใช้อุปกรณ์หรือสีที่ไม่สะอาด ไม่มีคุณภาพ และทำการสักไม่ถูกวิธี ในกรณีที่คนไข้เคยสักขอบตามาแล้ว เกิดผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ และต้องการแก้ไขหรือลบออกนั้น โดยมากแพทย์จะแนะนำวิธีการใช้เลเซอร์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะให้ผลลัพธ์ดีที่สุดและนอกจากการสักขอบตาแล้ว ยังมีการสักเพื่อความงามอื่นๆ ที่ช่วยทำให้คุณมั่นใจและดูดีขึ้นได้อีกเช่นกัน อาทิ สักไรผม  สักปากชมพู  หรือสักหัวนมชมพู

การสักขอบตานับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะกับสาวๆ ที่ช่วยทำให้ชีวิตของสาวๆ ดูง่ายขึ้น ทั้งช่วยประหยัดเวลา และเพิ่มความมั่นใจทั้งในวันที่รีบเร่งหรือวันสบายๆ แต่มีสิ่งสำคัญก่อนการตัดสินใจทำนั้นคือ คุณจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน และทำความเข้าใจถึงผลลัพธ์ของการรักษา รวมถึงต้องเลือกทำกับแพทย์หรือบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ ผ่านการอบรม มีประสบการณ์ โดยต้องคำนึงถึงความสะอาดได้มาตรฐานของวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ที่ทำ เพื่อความสวยงามที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง

ค่ารักษา

เพิ่มเติม
การรักษา ราคา(บาท)
สักคิ้วถาวร ( 2 ครั้ง ) 5,000 บาท
สักริมฝีปากสีชมพู ( 2 ครั้ง ) 10,000 บาท
สักขอบริมฝีปาก บน-ล่าง ( 1 ครั้ง ) 5,000 บาท
สักหัวนม และปานนมสีชมพู ( 2 ครั้ง ) 10,000 บาท
สักปิดด่างขาว, แผลเป็น, ไฟไหม้, น้ำร้อนลวก และปกปิดสีผิวที่ผิดปรกติ ต่อตารางเซนติเมตร ( 2 ครั้ง ) 2,000 บาท
สักไรผม / ตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง ) 800 บาท
ลบรอยสัก, แก้ไขรอยสัก ต่อตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง ) 1,500 บาท
การรักษา
สักคิ้วถาวร ( 2 ครั้ง )
5,000 บาท
สักริมฝีปากสีชมพู ( 2 ครั้ง )
10,000 บาท
สักขอบริมฝีปาก บน-ล่าง ( 1 ครั้ง )
5,000 บาท
สักหัวนม และปานนมสีชมพู ( 2 ครั้ง )
10,000 บาท
สักปิดด่างขาว, แผลเป็น, ไฟไหม้, น้ำร้อนลวก และปกปิดสีผิวที่ผิดปรกติ ต่อตารางเซนติเมตร ( 2 ครั้ง )
2,000 บาท
สักไรผม / ตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง )
800 บาท
ลบรอยสัก, แก้ไขรอยสัก ต่อตารางเซนติเมตร ( 1 ครั้ง )
1,500 บาท

แพทย์ประจำศูนย์สัก เพื่อการรักษาและความงาม

เพิ่มเติม