รักษาภูมิแพ้ด้วยคลื่นวิทยุ RF
โรคภูมิแพ้ หรือ โรคจมูกอักเสบเรื้อรัง เรียกได้ว่าเป็นโรคฮิตสำหรับคนเมืองโรคหนึ่งเลยทีเดียว สาเหตุของโรคภูมิแพ้ เกิดจากเยื่อบุจมูกไวผิดปกติเมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ควัน ของที่มีกลิ่นฉุน และการเปลี่ยนแปลงของอากาศ เป็นต้น ทำให้มีอาการคัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล และเสมหะลงคอ โรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยในวัยเด็กมักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สำหรับในวัยผู้ใหญ่มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
ปัจจุบันพบว่าคนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ เป็นโรคภูมิแพ้กันมากขึ้น ด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดโรค อย่างล่าสุดเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา คนกรุงเทพและปริมณฑลก็คงจะได้สัมผัสปรากฏการณ์หมอกสีขาวปกคลุมไปทั่วในตอนเช้า ซึ่งหลายคนเข้าใจว่าเป็นหมอกในฤดูหนาว แต่ความจริงแล้วหมอกเหล่านั้นคือฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้มาจากควันพิษที่ปล่อยออกมาทางท่อไอเสียรถยนต์จำนวนมหาศาล และการก่อสร้างอาคารหรือถนนหนทางต่างๆ เมื่อเราสูดเอาฝุ่นละอองเล็กๆ เหล่านี้เข้าสู่ปอดทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ หรืออาจกระตุ้นการเกิดโรคภูมิแพ้ในบางคนได้
อาการของโรคภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยสามารถสังเกตได้ เช่น คันจมูก จามติดต่อกันหลายครั้ง มีน้ำมูกใสไหลตลอดเวลา เสมหะไหลลงคอ จมูกไม่ได้กลิ่นหรือได้กลิ่นลดลง เจ็บคอ ระคายคอ ไอ เสียงแหบ หรืออาจมีอาการอื่นๆ เช่น คันตา คันคอ คันหู หรือคันที่เพดานปาก ปวดศีรษะ ปวดหู หูอื้อ เป็นต้น โดยทั่วไปผู้ป่วยมักบรรเทาอาการด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ร่วมกับการใช้ยารับประทาน การใช้ยาพ่นจมูกหรือการใช้ยาเฉพาะที่ชนิดสเปรย์ และการใช้น้ำเกลือล้างจมูก
อย่างไรก็ตาม ในผู้ป่วยบางราย ถึงแม้ว่าจะหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีการต่างๆ ข้างต้นแล้ว อาการของโรคภูมิแพ้ก็ยังไม่ดีขึ้น ในบางครั้งไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นได้ หรือไม่ต้องการใช้ยา เมื่อผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด ในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุมาใช้ในการผ่าตัด เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคภูมิแพ้
การรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency volumetric tissue reduction: RFVTR)
การใช้คลื่นความถี่วิทยุ เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคภูมิแพ้ เป็นการทำหัตถการนำเข็มเล็กๆพิเศษเข้าไปในเนื้อเยื่อจมูก เพื่อส่งคลื่นความถี่สูง (Radiofrequency) ไปยังเยื่อบุจมูกที่บวมโตจนอุดกั้นโพรงจมูก คลื่นความถี่สูงนี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เกิดการหดรัดของเนื้อเยื่อ ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ต้องการรักษาหดตัวลง ทำให้โพรงจมูกโล่งขึ้น หายใจสะดวกขึ้น นอกจากนี้ คลื่นความถี่สูงยังได้ลดจำนวนต่อมสร้างน้ำมูก จึงช่วยรักษาอาการคัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล และเสมหะลงคอด้วย
แพทย์จะใช้ยาเฉพาะที่ แล้วทำหัตถการรักษาผ่านทางช่องจมูก ทำให้ไม่มีบาดแผลที่มองเห็นได้จากภายนอก การรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ เป็นวิธีการผ่าตัดที่ง่ายในการทำ มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน ผลข้างเคียงน้อย และให้ผลการรักษาที่ดี ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 10 นาที
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ได้แก่ เลือดออกมากกว่าปกติ, ผู้ป่วยอาจหายใจลำบาก คัดจมูก ระคายคอ เนื่องจากการบวมของเนื้อเยื่อรอบๆ, อาจมีแผลติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก หากทำการรักษาโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
การผ่าตัดรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ทำโดยการใช้ยาชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้หลังผ่าตัดโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แต่ในบางรายแพทย์อาจแนะนำให้นอนพักฟื้นเพื่อสังเกตอาการเลือดออกหลังทำ RF 1 คืน หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยแพทย์จะนัดมาดูแผลประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำ RF
คำแนะนำการปฏิบัติตนหลังผ่าตัด
ภายหลังการทำ RF ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บแผลที่เยื่อบุจมูกเล็กน้อย มีน้ำมูกหรือน้ำลายปนเลือดออกมาได้บ้าง นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการบวม รู้สึกตึงบริเวณจมูกคล้ายกับมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในโพรงจมูก เสียงเปลี่ยน หรือมีไข้ แต่อาการต่างๆ เหล่านี้จะหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์
หลังทำ RF 24-48 ชั่วโมงแรก ให้หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรงๆ หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา หรือกระทบกระเทือนบริเวณจมูก งดออกกำลังกายหักโหม ยกของหนัก หรือการออกแรงมาก เพราะอาจทำให้เลือดออกจากแผลผ่าตัดได้ หากมีเลือดออกให้นอนศีรษะสูง อมและประคบน้ำแข็งจนกระทั่งเลือดหยุด หากเลือดออกไม่หยุดหรือออกมากผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การทำความสะอาดจมูกและแผลทำ RF 48 ชั่วโมงแรก ควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดสะเก็ดแผลซึ่งจะทำให้แผลหายช้า ขณะล้างทำความสะอาดอาจมีวัสดุห้ามเลือดหลุดออกมาจากโพรงจมูก ไม่ต้องตกใจ ผู้ป่วยสามารถล้างต่อได้ ยกเว้นถ้าเลือดออกมาก ควรหยุดล้าง และอมหรือประคบน้ำแข็งเพื่อให้เลือดหยุดไหล หากเลือดออกไม่หยุดหรือออกมากผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ ถ้าล้างแล้ววัสดุห้ามเลือดไม่ออกมา แพทย์จะเอาออกให้ในวันนัดดูแผล
หลังทำ RF ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แผลในจมูกจะหายเป็นปกติ เยื่อบุจมูกจะมีขนาดลดลง อาการต่างๆ ของโรคภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก คัน จาม น้ำมูกไหล และเสมหะลงคอ จะค่อยๆ ดีขึ้น โดยผู้ป่วยจะสังเกตได้ชัดเจนหลังทำ RF ประมาณ 4-6 สัปดาห์ อาการต่างๆ จึงเริ่มดีขึ้นและสามารถทำซ้ำได้อีก และสามารถทำซ้ำอีกได้ ถ้าเยื่อบุจจมูกบวมขึ้นมาใหม่ เป็นเพราะจากการภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ
ศัลยกรรมตกแต่งและความงามยอดนิยม