chat

มะเร็งปากมดลูก

วันนี้คุณตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแล้วหรือยัง?

เป็นที่รู้กันดีว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคร้ายตัวฉกาจที่คร่าชีวิตลูกผู้หญิงอย่างเราๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะวัยผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น และแม้ว่าทุกวันนี้จะมีวีธีการรักษาหลากหลายวิธีออกมาเพื่อช่วยให้อาการของมะเร็งปากมดลูกทุเลาลงแต่ก็ยังไม่ได้ช่วยให้จำนวนผู้หญิงที่เสียชีวิตจากการเป็นโรคนี้ลดลงแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่สำคัญไม่ใช่เพียงการรักษาให้หายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ที่ควรใส่ใจยิ่งกว่าก็คือ การตรวจคัดกรองหาเซลล์มะเร็งทุกปี เพื่อให้คุณได้รู้ตั้งแต่ต้นว่ากำลังเป็นมะเร็งปากมดลูกอยู่และเริ่มรักษาได้ทัน

ในแต่ละปีพบหญิงไทยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกสูงถึง 10,000 คน และเสียชีวิตด้วยโรคนี้ประมาณ 5,000 คน หรือให้พูดง่ายๆ ก็คือ เฉลี่ยแล้วคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคนี้ประมาณ 14 คนต่อวัน ตกใจเลยใช่มั้ยล่ะ เพราะนี่เป็นตัวเลขที่เยอะมาก และที่สำคัญสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกนั้นมาจากการละเลยเรื่องของการตรวจคัดกรองเซลล์มะเร็ง เมื่อรู้ตัวอีกทีชีวิตของคุณก็สายเกินกว่าจะหาวิธีรักษาไปเสียแล้ว

มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดจากเซลล์ของปากมดลูก ซึ่งปากมดลูกจะแตกต่างไปจากอวัยวะอื่นๆ คือ ปากมดลูกนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกอย่างช้าๆ ใช้เวลานานกว่าจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ จึงทำให้ผู้หญิงเราต้องตรวจหาเซลล์มะเร็งทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีความเสี่ยงดังต่อไปนี้

  • ผู้หญิงที่มีไวรัส Human Papilloma Virus (HPV) แฝงอยู่ที่ปากมดลูก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่แสดงอาการใดๆ
  • ผู้หญิงที่สามีรักสนุกอาจเป็นพาหะนำเชื้อ HPV มาสู่คุณได้ (โดยที่ผู้ชายเองจะไม่มีอาการใดๆ)
  • ผู้หญิงที่เคยมีคู่นอนมากกว่า 1 คนขึ้นไป
  • ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
  • ผู้หญิงที่เคยมีประวัติว่าคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • ผู้หญิงที่เคยเป็นโรคหูดหงอนไก่
  • ผู้หญิงที่สูบบุหรี่จัด
  • หรือผู้หญิงที่ติดเชื้อ HIV

ส่วนอาการที่เราจะสังเกตได้ชัดว่ากำลังเข้าข่ายการเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือไม่นั้น ให้เริ่มสังเกตตัวเองจากระบบภายในร่างกายของผู้หญิง โดยอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะบ่งบอกถึงระยะของการเป็นมะเร็งปากมดลูกด้วย ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนั้นจะเป็นระยะที่เซลล์ปากมดลูกเปลี่ยนแปลงก่อนเป็นเซลล์มะเร็ง เราจะไม่พบหรือไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ระยะมะเร็งเริ่มต้นที่ผิวปากมดลูก แต่ระยะนี้ก็ยังไม่มีอาการใดๆ ที่ชัดเจนเช่นกัน จนกระทั่งมะเร็งเริ่มแทรกซึมเข้าไปในเนื้อปากมดลูก อาจสังเกตได้ว่าคุณจะรู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์และจะมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ และหลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่เริ่มอันตรายแล้ว นั่นคือมะเร็งจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อปากมดลูกหมดแล้ว จึงมักมีเลือดออกผิดปกติ ประจำเดือนมาตลอดทั้งเดือน อาจมีตกขาวผิดปกติหรือมีเลือดปน หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษามะเร็งปากมดลูกทันที

เริ่มสงสัยแล้วใช่มั้ยล่ะว่า หากเราอยู่ในระยะที่ยังไม่ปรากฏอาการใดๆ ล่ะเราจะป้องกันไม่ให้มันลุกลามไปในระยะรุนแรงได้อย่างไร…คงต้องตอบแบบเป็นคำถามกลับไปว่า ที่ผ่านมาคุณเคยมีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีหรือยัง ถ้ายังไม่เคยคุณก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคุณเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ เพราะวิธีที่ช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกได้นั้นคือการตรวจหาเซลล์มะเร็งเพื่อให้รู้ก่อนลุกลามนั่นเอง

มะเร็งปากมดลูก

การตรวจหาเซลล์มะเร็ง

ในปัจจุบันมีวิธีการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกอยู่ 2 วิธีคือ Pap Smear และ Thin Prep แต่ละวิธีก็จะได้ผลที่ค่อนข้างชัดเจน

มะเร็งปากมดลูก

Pap Smear คือการป้ายเอาเซลล์จากปากมดลูกเพื่อไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูก ใช้เวลาในการตรวจ 15นาที หลังจากนั้นแพทย์จะนัดฟังผลการตรวจในอีก 2-3 วัน

มะเร็งปากมดลูก

Thin Prep จะเป็นวิธีการตรวจที่พัฒนามาจากการตรวจ Pap Smear ที่สามารถตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ได้ถึง 70-80% โดยวิธีการตรวจนั้นแพทย์จะใช้แปรงเล็กๆ สอดเข้าไปขูดในบริเวณปากมดลูกเพื่อเก็บเซลล์แล้วนำไปใส่ในขวดน้ำยาตินเพร็พ จากนั้นจะนำเข้าเครื่องอัตโนมัติเพื่อเตรียมเซลล์วางบนสไลด์แก้วแล้วจึงทำการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ ตัวน้ำยาตินเพร็พนี้จะมีความพิเศษตรงที่จะสามารถแยกสิ่งปนเปื้อนต่างๆ สลายมูกเลือดและเม็ดเลือดแดงได้ ทำให้สามารถได้ผลการตรวจที่แม่นยำยิ่งขึ้นกว่าการตรวจแบบ Pap Smear

มะเร็งปากมดลูก

และนอกจากการป้องกันเชื้อมะเร็งปากมดลูกลุกลามด้วยการตรวจคัดกรอง Pap Smear และ Thin Prep แล้ว ในปัจจุบันเรายังสามารถฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย โดยฉีดในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9-26 ปี เพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก และเพื่อให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้นควรเริ่มฉีดตั้งแต่ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก

แต่หากในวันนี้คุณได้มีการตรวจพบเซลล์มะเร็งปากมดลูกแล้วจริงๆ อยากให้คุณสาวๆ ตั้งสติให้ดี สอบถามแพทย์ให้แน่ใจก่อนว่าตัวเองนั้นอยู่ในระยะใดแล้วรักษาโรคตามระยะนั้นๆ

มะเร็งปากมดลูก

  • ระยะที่เซลล์ปากมดลูกเปลี่ยนแปลงก่อนเป็นมะเร็ง เป็นระยะเริ่มต้น สามารถรักษาได้ด้วยการทำลายเซลล์ดังกล่าวด้วยวิธีการง่ายๆ เช่น การจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น (Cryotherapy) การตัดตำแหน่งที่ผิดปกติออกด้วยห่วงลวดไฟฟ้า (LEEP)
  • ระยะเริ่มต้นเป็นมะเร็งเฉพาะที่ผิวปากมดลูก สามารถรักษาได้โดยวิธีตัดปากมดลูกด้วยห่วงลวดไฟฟ้า (LEEP) ส่วนในรายที่เป็นมากแล้วอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูก
  • ระยะที่ 2 เป็นระยะที่มะเร็งเริ่มแทรกซึมเข้าไปในเนื้อปากมดลูก (เล็กน้อย) รักษาโดยการผ่าตัดมดลูก
  • ระยะที่ 3 เป็นระยะที่มะเร็งแทรกซึมเข้าไปในเนื้อปากมดลูกแล้ว สามารถรักษาโดยการผ่าตัดมดลูกชนิด Werthlem พร้อมกับการเลาะต่อมน้ำหลือง
  • และระยะสุดท้าย ระยะที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง รักษาด้วยการฉายแสง

“ซึ่งเมื่อรักษาแล้วควรหมั่นติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมา”

การเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตามคงไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นแน่นอน เพราะฉะนั้นหากวันนี้คุณยังเป็นคนที่แข็งแรงดีอยู่ อย่านิ่งนอนใจว่าคุณอาจจะไม่เป็นโรคอะไรเลย อยากให้คุณผู้หญิงทุกคนเสียสละเวลาสักนิด แล้วเลิกอายคุณหมอสูติที่จะทำการตรวจภายใน มารับการตรวจหาเซลล์มะเร็ง ด้วย Pap Smear และ Thin Prep กันเถอะ เพราะหากคุณรู้ก่อนก็จะได้สามารถรักษาให้หายทัน อย่างที่บอกแหละว่า “มะเร็งปากมดลูก” นั้นมีโอกาสรักษาให้หายได้ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น

ค่ารักษา มะเร็งปากมดลูก

ตรวจหามะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี PAP SMEAR

700 บาท

ตรวจหามะเร็งปากมดลูก ด้วยวิธี Thin Prep

1,600 บาท

ตรวจด้วยกล้อง COLPOSCOPE (ไม่มีชิ้นเนื้อส่งตรวจ)

3,500 บาท

ตรวจด้วยกล้อง COLPOSCOPE (พร้อมส่งตรวจชิ้นเนื้อ)

5,800 บาท

ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก Gardasil

2,900 บาท/เข็ม

ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก Cervarix

2,700 บาท/เข็ม

มะเร็งปากมดลูก

เกร็ดความรู้

เพิ่มเติม