chat
ตาแดง

โรคตา…ที่คุณอย่าคิดว่าไกลตัว

ใครผ่านช่วงชีวิตวัยเด็กในโรงเรียนมาแล้ว น่าจะพอคุ้นหูกับ “โรคตาแดง” กันอยู่บ้าง บางท่านอาจเคยเป็นหรือมีเพื่อนๆ เป็นแล้วต้องหยุดเรียนเพื่อไม่ให้มาแพร่เชื้อกับเพื่อนคนอื่นๆ โรคตาแดงที่ว่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ “ไวรัส” ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อตาขาว แต่อันที่จริงตาแดงไม่ได้พบเฉพาะในโรงเรียน ตามโรงงาน สถานที่ทำงาน หรือภายในครอบครัวเดียวกันก็อาจพบได้ เนื่องจากโรคตาแดงสามารถติดต่อได้ง่ายด้วยการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยแล้วมืออาจไปรับเชื้อมา แล้วเผลอเอามือมาป้ายหรือขยี้ตา หรือถ้าไปใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว สบู่ ฯลฯ ร่วมกับผู้ป่วยก็มีโอกาสติดเชื้อได้ หรืออาจติดเชื้อจากช่องทางที่คาดคิดไม่ถึงก็มี เช่น เชื้อปนเปื้อนอยู่ในสระว่ายน้ำแล้วเราไปเล่นน้ำก็อาจมีสิทธิ์ติดเชื้อได้

โรคตาแดง พบได้ในคนทุกเพศและทุกวัย แต่จะพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะเริ่มมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-2 วัน โดยจะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดง บางครั้งตาขาวอาจเห็นเป็นปื้นแดงคล้ายเลือดออก หนังตาอาจบวมเล็กน้อย มีขี้ตาเล็กน้อย มักจะเริ่มเป็นที่ตาข้างหนึ่งก่อน แล้วจึงลามมาอีกข้าง บางครั้งอาจพบต่อมน้ำเหลืองโตที่บริเวณหน้าใบหู หรืออาจมีไข้เจ็บคอร่วมด้วย

โดยปกติ โรคตาแดงไม่มีอันตรายร้ายแรง หากมีเพียงอาการเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดงโดยไม่มีอาการปวดตารุนแรง หรือตาพร่า ตามัว จักษุแพทย์จะให้การรักษาโดยให้ทั้งยาหยอดและยาป้ายตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ห้ามใช้ยาหยอดตาพวกสเตียรอยด์ เพราะจะทำให้โรคลุกลามเป็นอันตรายได้ นอกจากนั้นควรพักผ่อนให้เพียงพอและระมัดระวังการแพร่เชื้อไปให้กับผู้อื่น อาการมักจะดีขึ้นภายใน 4-5 วัน และหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ สำหรับในช่วงรักษาตัวนี้ผู้ป่วยควรหยุดเรียนหรือหยุดงานประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะหาย และระวังอย่าใช้ของใช้ เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า สบู่ ร่วมกับคนอื่น เพราะอาจจะแพร่โรคไปให้คนอื่นได้

ท่านสามารถป้องกันมิให้ตนเองติดโรคตาแดงได้ โดยไม่คลุกคลีใกล้ชิดหรือใช้ของต่าง ๆ เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ ร่วมกับผู้ป่วย หากต้องสัมผัสกับผู้ป่วย ควรล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ และหลีกเลี่ยงการใช้มือป้าย หรือขยี้ตา เพราะอาจนำเชื้อที่มือมาเข้าตาได้ แต่ถ้าปฏิบัติดังนี้แล้วยังมีอาการตาแดง ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกวิธี เนื่องจากการรักษาอย่างผิด ๆ อาจส่งผลเสียถึงขั้นตาบอดได้

ที่ได้กล่าวไปข้างต้นอาจทำให้หลายท่านเข้าใจว่าโรคตาแดงเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเพียงอย่างเดียว อันที่จริงแล้วโรคตาแดงยังเกิดได้จากอีกหลายสาเหตุ อย่างเช่นการติดเชื้อแบคทีเรียก็พบได้บ่อยเช่นกัน บางคนนิ้วมือสกปรกไม่ล้างแล้วมาขยี้ตา หรือใช้ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวที่สกปรกมาเช็ดตา ก็ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้

ตาแดงที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจะมีอาการคือ ปวดตา ตาแดง หนังตาบวม มีขี้ตาสีเหลืองหรือเขียวออกมามาก จนบางครั้งตื่นนอนมาไม่สามารถลืมตาได้ ต้องใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดขี้ตาออกก่อน ผู้ป่วยมักจะมีอาการอักเสบของตาทั้ง 2 ข้าง ถ้ามีอาการอย่างที่ว่ามาปล่อยไว้ไม่หายเองแน่นอน ควรต้องรีบไปพบแพทย์ ส่วนการปฏิบัติตัวก็จะคล้ายๆ กับการติดเชื้อไวรัส คือ ไม่ใช้มือขยี้ตา, ไม่ใช้ของใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น เพื่อไม่ให้ติดต่อแพร่ไปสู่คนอื่น

นอกจากโรคตาแดงจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียแล้ว ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรคก็มีเช่นกัน เช่น ตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้ ต้นเหตุที่ทำให้แพ้ก็มีเยอะแยะมากมาย เช่น ฝุ่นละออง ควัน เกสรดอกไม้ ความร้อน ความเย็น ฯลฯ อาการตาแดงจากการแพ้จะมีอาการคันตามากบริเวณหัวตา ต้องขยี้ แต่ยิ่งขยี้ก็จะยิ่งคันมากขึ้น มีน้ำตาไหล ตอนแรกน้ำตาจะใส ต่อมาจะเหนียว มักไม่มีขี้ตาหรือมีเพียงเล็กน้อย มีลักษณะใสๆ หรือเป็นสีขาว บางครั้งอาจพบร่วมกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ เช่น ลมพิษ หวัดแพ้อากาศ แพ้อาหาร แพ้ยา ฯลฯ บางคนที่แพ้รุนแรง เยื่อบุตาขาวอาจบวมเป่งเป็นเยื่อใสๆ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดงที่เกิดจากการแพ้มักจะมีอาการเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ซึ่งหลายๆ ท่านก็จะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ ดังนั้น การรักษาจึงควรทำอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญอย่ารักษาโดยแพทย์ที่ไม่ใช่จักษุแพทย์จริงๆ เนื่องจากการรักษาต้องใช้ยาหยอดตาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ซึ่งถ้าใช้ยาไม่ถูกต้องอาจมีผลทำให้เกิดโรค ต้อหิน และทำให้ตาบอดได้ จึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะประมาทกัน

ส่วนอีกโรคตาแดงที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อที่พบได้ก็คือ ตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบจากสารเคมีบางชนิด ที่พบบ่อยก็เป็นพวกน้ำยาทำความสะอาด น้ำยาซักผ้า สเปรย์ หรืออาจโดนควันหรือมลพิษจากโรงงาน ยาฆ่าแมลง เป็นต้น สารเคมีเหล่านี้เมื่อเข้าตาจะทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุตา การอักเสบจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าสารเคมีที่เข้าตามีความรุนแรงและจำนวนที่เข้าตามากน้อยเพียงใด

คนที่โดนสารเคมีเข้าตา จะเกิดอาการระคายเคืองตา เจ็บปวด อาจทำให้ตามัวได้ ควรรีบล้างตาทันทีด้วยน้ำสะอาดจำนวนมากหลายๆ ครั้ง นานอย่างน้อย 15 – 20 นาที เพื่อให้สารเคมีเจือจางลง แล้วควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที

คนที่มีปัญหาตาแดง เยื่อบุตาอักเสบ ควรหยอดยาหรือป้ายตาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ซึ่งอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ และควรนอนหลับพักผ่อนให้มาก เพื่อให้ดวงตาได้พัก ใครติดเล่นมือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ช่วงนี้ควรจะเลี่ยงไปก่อน การจ้องจอใช้สายตามากๆ อาจทำให้อาการดีขึ้นช้ากว่าที่ควรจะเป็นหรืออาจส่งผลเสียต่อดวงตาได้ค่ะ

ค่ารักษา

เพิ่มเติม
การรักษา ราคา(บาท)
อัตราค่ารักษาพยาบาล แพทย์ที่ทำการรักษาเป็นผู้ประเมิน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 1723
การรักษา
อัตราค่ารักษาพยาบาล แพทย์ที่ทำการรักษาเป็นผู้ประเมิน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร 1723

เกร็ดความรู้

เพิ่มเติม