chat

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

‘วิตามิน’ และ ‘แร่ธาตุ’ เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อกลไกการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ หากทานอาหารที่เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่เหมาะสม และเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ทว่า ร่างกายของแต่ละบุคคลย่อมมีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน สิ่งแวดล้อม การดูดซึม เป็นต้น หลายคนรับประทานทั้งอาหารหลักและอาหารเสริม โดยไม่รู้จักฐานข้อมูลสุขภาพของตัวเองมาก่อนว่าอัตราส่วนวิตามินและแร่ธาตุแต่ละประเภทในร่างกายของตัวเองนั้นมากเกินไปหรือน้อยเกินไป จึงอาจตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุเพิ่มเติม เพื่อวางแผนในการดูแลสุขภาพ รับประทานอาหาร และอาหารเสริมได้อย่างเหมาะสม ภายใต้การดูแลและให้คำแนะนำโดยแพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลยันฮีมีบริการตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหารวิตามินและเกลือแร่ 18 ชนิด รวมทั้งวิตามินบำบัดเพื่อเติมเต็มวิตามินและเกลือแร่ที่ขาดให้เกิดความสมดุล

ราคาการตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิดที่โรงพยาบาลยันฮี

การตรวจวัดระดับวิตามินและแร่ธาตุในร่างกายสำคัญอย่างไร?

รายการตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิด (Micronutrients)

การเตรียมความพร้อมก่อนตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิด

ประโยชน์ของการตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิด

ใครควรตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิด

Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับการตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิดที่ โรงพยาบาลยันฮี

การตรวจวัดระดับวิตามินและแร่ธาตุในร่างกายสำคัญอย่างไร?

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

สามารถนำผลการตรวจไปวิเคราะห์ว่าร่างกายของแต่ละคนขาดวิตามินอะไรบ้าง นำไปสู่การวางแผนดูแลสุขภาพเพื่อปรับพฤติกรรมการกิน การเลือกอาหารเสริม การให้วิตามินทางเส้นเลือด และการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้องเหมาะสมภายใต้คำแนะนำโดยแพทย์เฉพาะทาง ถือเป็นเวชศาสตร์ป้องกันแบบหนึ่งโดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาสุขภาพจึงค่อยมาตรวจหาวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย แม้ในยามที่ร่างกายเป็นปกติดีก็สามารถมาตรวจวัดระดับวิตามินและเกลือแร่ของตัวเองได้ เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับทำความรู้จักร่างกายและต้นทุนทางสุขภาพของตัวเองว่าต้องเติมเต็มส่วนใดที่ยังขาดอยู่บ้าง

รายการตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่
18 ชนิด (Micronutrients)
Vitamin C (HPLC) ตรวจระดับวิตามินซีในร่างกาย
Vitamin A (HPLC) ตรวจระดับวิตามินเอในร่างกาย
Vitamin E (HPLC) ตรวจระดับวิตามินอีในร่างกาย
Gamma Tocopherol ตรวจระดับวิตามินอีแกมม่าในร่างกาย
Beta Carotene ตรวจระดับเบต้าแคโรทีนในร่างกาย
Alpha Carotene ตรวจระดับแอลฟ่าแคโรทีนในร่างกาย
Coenzyme Q10 (HPLC) ตรวจระดับโคเอนไซม์คิวเทนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของพลังงานในร่างกาย
Lutein ตรวจระดับลูทีนในร่างกาย
Zeaxanthin ย ตรวจระดับซีแซนทีน ในร่างกา
Beta cryptoxanthin ตรวจระดับเบต้า คริปโตแซนธินในร่างกาย
Lycopene ตรวจระดับสารไลโคปีนในร่างกาย
Folate (Serum) ตรวจความสมดุลของโฟเลทในร่างกาย (โฟเลท)
Calcium ตรวจระดับแคลเซียมในเลือด
Serum Iron ตรวจปริมาณธาตุเหล็กในร่างกาย
Copper in Blood ตรวจระดับความสมดุลของทองแดงในร่างกาย
Magnesium ตรวจระดับความสมดุลของแมกนีเซียมในร่างกาย
Selenium in Blood ตรวจระดับความสมดุลของเซเลเนียมในร่างกาย
Zinc in Blood ตรวจระดับความสมดุลของสังกะสีในร่างกาย

การเตรียมความพร้อมก่อนตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิด

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

งดน้ำและอาหารก่อนตรวจอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

งดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และคาเฟอีนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

ทานยาโรคประจำตัวได้ตามปกติ ไม่ต้องงด

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงยาและอาหารเสริมที่ใช้ก่อนการตรวจ เพราะอาหารเสริมบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ได้

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

หยุดรับประทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ทานอยู่เป็นประจำก่อนตรวจอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

ประโยชน์ของการตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ 18 ชนิด

ช่วยให้เราเลือกวิตามินหรืออาหารเสริมได้อย่างเหมาะสม เพราะหากเรารับประทานวิตามิน อาหารเสริมที่เกินความต้องการของร่างกายก็อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ จะได้ปรับอาหารการกินและเติมวิตามินหรืออาหารเสริมได้อย่างถูกต้อง

ช่วยให้ทราบว่าร่างกายเราขาดวิตามินชนิดใดอยู่ จะได้เลือกเติมวิตามินหรืออาหารเสริมได้ถูกต้อง

ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยอาการผิดปกติที่มีสาเหตุมาจากวิตามินได้ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนดูแลสุขภาพภายใต้คำแนะนำของแพทย์เฉพาะทาง

ใครควรตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ 18 ชนิด

ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินบี 12 (Vitamin B12) มีอาการอ่อนเพลีย ชาตามมือและเท้า ปวดหัว โดยเฉพาะคนที่มีภาวะโลหิตจาง อาจมีแนวโน้มที่จะขาดวิตามินบี 12 มากกว่าผู้อื่น

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินดี (Vitamin D) ป่วยง่าย อ่อนเพลีย ปวดหลัง ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ ผมร่วง

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินเอ (Vitamin A) มีความบกพร่องในการมองเห็นเวลากลางคืน

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินอี (Vitamin E) มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชาตามร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันทำงานด้อยลง

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

ผู้ที่สงสัยว่าตนเองขาดวิตามินซี (Vitamin C) สุขภาพผิวไม่ดี เล็บมีจุดหรือเส้นสีแดง ฟกช้ำง่าย แผลหายช้า กระดูกไม่แข็งแรง มีเลือดออกตามไรฟันหรือเหงือก

การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ

ผู้ที่กำลังจะตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยเฉพาะกลุ่มวิตามิน

ผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ มีปัญหาลำไส้ ระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร

ผู้ที่กำลังรับการรักษาด้วยยา เช่น รับเคมีบำบัด รับยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน

ผู้ที่เป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรคหลอดเลือดสมองตีบ

ผู้สูงอายุ อายุ 50 ปีขึ้นไป

ผู้ที่ต้องการวางแผนในการดูแลสุขภาพ

ราคา การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ ที่โรงพยาบาลยันฮี

ราคา

12,500 บาท

**หมายเหตุ ยังไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล

Q&A หลากคำถาม มีคำตอบ เกี่ยวกับ“การตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุที่โรงพยาบาลยันฮี”

ถาม
ตอบ

ระยะเวลาในการตรวจและรอผลตรวจนานเท่าไร?

ใช้เวลาในการตรวจเลือดไม่เกิน 1 ชั่วโมง และระยะเวลาในการรอผลตรวจ 1-2 สัปดาห์

ถาม
ตอบ

วิตามินเฉพาะบุคคลเหมาะกับใคร?

  • ผู้สูงอายุและคนที่เจ็บป่วย กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับสารอาหารและวิตามินไม่เพียงพอ ทำให้ต้องได้รับวิตามินเสริม
  • หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีระบบดูดซึมไม่ดี มีปัญหาเรื่องลำไส้
ถาม
ตอบ

หากผลตรวจออกมาแล้วขาดวิตามินชนิดใด ควรรับประทานอาหารชนิดใดเข้าไปเสริม?

  • หากขากเพียงเล็กน้อยให้กินเสริม หากขาดปานกลางอาจต้องกินควบคู่ไปกับวิตามินเสริม
  • หากพบว่าร่างกายขาดเบต้าแคโรทีน ควรทานผักและผลไม้ที่มีสีแดง สีส้ม และสีเหลือง
  • หากพบว่าร่างกายขาดแอลฟ่าแคโรทีน ควรทานผักและผลไม้ใบเขียวหรือมีสีเหลือง
  • หากพบว่าร่างกายขาดโคเอนไซม์ คิวเท็น ควรทานเนื้อวัว ตับ ไต หัวใจ ปลาซาดีนเพิ่มเติม
  • หากพบว่าร่างกายขาดไลโคปิน ควรทานมะเขือเทศ แตงโม และผักผลไม้สีแดง
  • หากพบว่าร่างกายขาดลูทีน ควรทานองุ่น หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
  • หากพบว่าร่างกายขาดเบต้าคริปโตแซนทีน ควรทานอโวคาโด มะม่วงสุก และมะละกอ
  • หากพบว่าร่างกายขาดแมกนีเซียม ควรทานถั่ว และธัญพืช
  • หากพบว่าร่างกายขาดทองแดง ควรทานอาหารทะเลหรือถั่วต่างๆ
  • หากพบว่าร่างกายขาดซิลิเนียม ควรทานอาหารทะเล เครื่องใน เนื้อสัตว์ และธัญพืช เป็นต้น

แพทย์ผู้เขียนบทความ

หัตถการของศูนย์คีเลชั่น

เกร็ดความรู้

เพิ่มเติม