chat

มาไกลแค่ไหน ถามใจดู


มาไกลแค่ไหน ถามใจดู

สวัสดีค่ะทุกคนนน เราชื่อ บี วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การทำศัลยกรรมที่ผ่านมา ซึ่งดูเหมือนจะไม่เยอะ แต่มันก็เยอะอยู่นะ 555 ความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มมาจากบีเป็นคนที่มีปัญหาฟันล่างคร่อมฟันบน แถมยังเบี้ยวด้วยจ้า ตอนเด็กๆ มันก็ดูยังไม่ค่อยเบี้ยวเท่าไหร่ แต่ยิ่งโตมันก็ยิ่งเบี้ยว อาจจะเป็นเพราะว่ายังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ดังนั้นจากเบ้าหน้าที่ไม่ได้ดูดีอยู่เลยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ตอนสมัยละอ่อนจึงมักจะโดนเพื่อน ๆ ผู้ชายล้ออยู่เป็นประจำพออายุ 13 ปี ไม่รอล่ะจ้า ก็ไปหาหมอจัดฟัน ไปหาที่ไหนเค้าก็ไม่จัดให้ เพราะปัญหาฟันล่างคร่อมฟันบนของเรามันแก้ด้วยการจัดฟันอย่างเดียวไม่ได้ เลยมีเพื่อนแนะนำให้ไปหาหมอที่คณะทันตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล

คุณหมอตรวจแล้วบอกจะจัดฟันได้ต้องอายุ 20 ปีค่ะ โอ้ววว เหตุผลก็คือต้องรอให้กระดูกหยุดการเจริญเติบโตก่อนค่ะ พออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บีก็รีบมาหาหมอเลยค่ะ ก็ได้เริ่มจัดฟันกับคุณหมออิศราวดี หมอเก่งมากแค่ปีกว่าก็ดึงฟันของเราจากที่แย่ๆ ให้เรียงได้แล้ว บีจัดฟันได้ประมาณ 2 ปี คุณหมอก็ได้ให้ไปพบคุณหมอเพื่อผ่าตัดขากรรไกร ก็ได้นัดคิวผ่าตัดประมาณ 6 เดือนค่ะ แต่หมอโทรมาเลื่อนนัดให้ไวกว่าเดิมไปอีกกก ตอนแรกตื่นเต้นมากกก จนพอถึงวันที่จะผ่าตัดจริงๆ หายตื่นเต้นซะงั้น ก่อนจะผ่าตัดก็ต้องตรวจเลือด แต่ดันพบเลือดจางไปอีกกก ทีนี้ ต้องไปหาหมอเลือดจาง ว่าสามารถทำการผ่าตัดได้ไหม สรุปคือ ผ่าได้ค่ะ พอวันผ่าตัดมาถึง ก็มาแอดมิดที่ รพ. ก่อน 1 คืน บีรู้มาว่าหลังผ่าตัดจะเคี้ยวไม่ได้ 3 เดือน คือเป็นคนชอบกินอ่ะ แล้วต้องมาเคี้ยวไม่ได้ ก็เลยกินไว้เยอะๆ เพิ่มน้ำหนักเลยจ้า

คืนก่อนผ่าตัดคุณหมอให้งดอาหารหลัง 3 ทุ่ม พอ 6 โมงเช้าพยาบาลก็มาปลุกเข้าห้องผ่าตัด ก็แบบหิวน้ำอ่ะ แต่ก็ได้กินนะ คือพยาบาลมาให้กินน้ำกับยา พยาบาลบอกว่าเป็นยาคลายเครียดจ้า กลัวเราเครียดไง พอกินไปไม่ถึง 5 นาที หลับจ้าาาา 5555 หลับไปไม่รู้เรื่องเลย พอตื่นมาอีกทีก็ได้ยินคนเรียกชื่อ แล้วตอนนั้นคือได้ยินนะแต่ง่วงอ่ะ เลยแบบตอบ ค่ะ แล้วนอนต่อ 5555 จากนั้นก็ย้ายมานอนต่อที่ห้องพัก แล้วจำได้ว่าคืนแรกแพ้ยาสลบ อ้วกทั้งคืนเลย วันถัดไปก็ยังมีอาการอีกนิดหน่อย วันที่3 ได้ถอดสายระบายเลือดออก ก็สบายไปอีกไม่มีสายอะไรเกะกะเวลาเดิน วันที่4 ลุกมาสระผมเองเลยค่ะ สตรองมาก วันที่5 ก็กลับบ้าน แล้วก็มาพักฟื้นต่อที่บ้าน เคี้ยวอะไรไม่ได้เลย เดี๋ยวจะอัพรูปอาหารที่มีความพยายามในการกินของบีให้ดู



หลังจาก 5-6 เดือน ผ่านไป เริ่มมีความคิดอยากทำตาอีก ก็เลยไปทำแบบเย็บ 3 จุด ช่วงนั้นมีโปรพอดี ก็จัดเลยค่ะ ขอแม่แล้วไปเลยย ไปทำมาตอนแรกก็สวยดี หลังจากนั้นกลายเป็นว่าเหมือนตาสองชั้นหลบใน คือเหมือนไม่ได้ทำอ่ะ 555 เพื่อนก็ทักว่าตาที่ทำหายไปไหน?? นี่ทำแล้วหรอ?? 555 มันใช่ม้ายยยย

ผ่านมาอีกปีกว่า ก็เริ่มคิดจะแก้ไขตาใหม่ มีพี่คนหนึ่งเค้าแนะนำให้ทำกับคุณหมอธวัชชัย รพ.ยันฮี ซึ่งเราก็อยากทำอยู่แล้ว ก็เลยไปคุยกับคุณหมอ สรุปว่าทำการแก้ตาสองชั้นพร้อมเปิดหัวตา และเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงตัวเองพร้อมกันไปด้วย เจ็บตัวอีกแล้วค่ะ 5555 ผ่าตัดไปเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 60 สำหรับจมูกบีก็คุยกับคุณหมอว่าจะเอาทรงนี้ๆๆนะ ก่อนทำก็ขึ้นมานอนเล่นที่ห้องพัก ได้ทำประมาณบ่าย 2 โมง ออกมาอีกที 2 ทุ่มจ้าาา นานพอๆๆกับผ่าขากรรไกรเลย 5555 ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่ ก็ต้องรอเวลาอีกสักพัก ดีแต่ว่าหลังทำไม่ช้ำเลย มีแค่ตาบวมอย่างเดียว ส่วนจมูกบวมน้อยมาก แทบจะไม่ค่อยบวมเลย หมอมือเบามาก สรุปตอนนี้ที่ได้ทำไปแล้วก็คือ

1. จัดฟัน

2. ผ่าตัดขากรรไกร บน ล่าง

3. ทำตา 2 ชั้น แบบเย็บ 3 จุด

4. แก้ไขตา 2 ชั้น แบบกรีดยาว + เปิดหัวตา

5. ปรับโครงสร้างจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครง

เอ้า ยังมีอะไรอีกล่ะ อ้อ เลเซอร์หนวด ไง อิ อิ พอเท่านี้ก่อนล่ะจ้า ส่วนในอนาคตค่อยว่ากันใหม่ 5555 หากเพื่อนๆ อยากจะทราบอะไรเพิ่มเติม สามารถทิ้งคำถามไว้ได้เลยนะ เดี๋ยวบีมาตอบ 555 สุดท้ายนี้หากเล่าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยนะคะ เพิ่งเขียนแบบนี้ครั้งแรก อาจจะอ่านแล้ว งงๆ หน่อย 555 สลับไป สลับมา แต่ก็พยายามแล้วน้าา อิอิ

ปล. บีคิดทุกวันนะ ว่าเปลี่ยนมาได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ทุกวันนี้ชีวิตบีดีขึ้น ในการใช้ชีวิต การทำงาน เวลาพบปะผู้คนก็มั่นใจมากขึ้น ตอนนี้บีมีความสุขที่มาถึงจุดนี้ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ขอบคุณพ่อกับแม่ที่พยายามเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของลูก ขอบคุณอดีตที่ทำให้บีพัฒนาตัวเอง